โบรกฯ ประเมิน 2 หุ้นดัง “ช.การช่าง-การบินไทย” อาจถูกคัดออกจากการคำนวณ SET50 และ SET100 ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยพบว่าราคาหุ้นทั้ง 2 ตัวในตลาดใกล้เคียงกับมูลค่าพื้นฐานที่นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้ ขณะที่แนวโน้มธุรกิจยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศ
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยคาดการณ์หุ้นเข้าคำนวณ SET50 และ SET100 รอบครึ่งหลังของปีนี้ (เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.2557) ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ในเบื้องต้น มีดังนี้ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า-ออกจากการคำนวณ SET50 (ความน่าจะเป็น 90%) โดยหุ้นที่คาดว่าจะเข้าได้แก่. บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M) หุ้นธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) ส่วนหุ้นที่จะถูกคัดออกคือหุ้น ช.การช่าง (CK ) และการบินไทย (THAI)
ทั้งนี้ ตามสถิติ 10 ปีย้อนหลัง หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET50 และ SET100 ราคามักจะปรับตัวขึ้นตอบรับต่อการประกาศดังกล่าว สวนทางกับหุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดออกที่มักจะปรับตัวลง
โดยหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 ซื้อก่อนเข้าคำนวณจริง ราว 3-4 สัปดาห์ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 6.5-7.5% ด้วยความน่าจะเป็นกว่า 80% เช่นเดียวกับหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET100 ซื้อก่อนเข้าคำนวณจริง 3-4 สัปดาห์เช่นกัน ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 2.5-3.0% ด้วยความน่าจะเป็น 60-70%
อย่างไรก็ตาม หุ้นที่เข้า SET50 ทั้ง 2 แห่ง พบว่าราคาหุ้นในตลาดใกล้เคียงกับมูลค่าพื้นฐานที่นักวิเคราะห์ประเมิน ขณะที่แนวโน้มธุรกิจยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะแบงก์เกียรตินาคิน (ทั้งธุรกิจหลักทรัพย์ และสินเชื่อรายย่อย) และตามมาด้วยเอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M) ที่แม้จะอยู่ในกลุ่มอาหาร แต่ในงวดไตรมาส 1/2557 คาดว่ายอดขายโดยรวมน่าจะลดลง
ทั้งนี้ จากยอดขายสาขาเดิมของเอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป ซึ่งไปหักล้างยอดขายสาขาใหม่ ทำให้กำไรสุทธิโดยรวมในงวดไตรมาสแรกชะลอตัวลง และแม้ว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นในงวด ไตรมาส 2/2557 เนื่องจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล นักเรียนปิดเทอม และมีวันหยุดยาว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มจะปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2557 จึงไม่แนะนำให้ลงทุนในระยะสั้น
ส่วนหุ้นที่เข้าข่าย SET100 อาจเลือกลงทุนระยะสั้นๆ ได้ แม้หุ้นบางบริษัทมีข้อจำกัด เมื่อใช้ปัจจัยพื้นฐานที่ประเมิน แต่หากพิจารณาจากแนวโน้มธุรกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี พบว่ามีหุ้นน่าสนใจในระยะสั้น 2 บริษัท คือ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) และบริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI)
โดยนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า หุ้นการบินไทยมีแนวโน้มจะขาดทุนจากการดำเนินงานปกติมากกว่าคาด โดยในงวดไตรมาสแรกซึ่งจะประกาศในวันที่ 15 พ.ค.นี้ มีแนวโน้มจะรายงานขาดทุนจากการดำเนินงานปกติมากกว่าที่ประเมิน 20% อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท
ขณะที่ทิศทางในไตรมาส 2/2557 ยังคงไม่ฟื้น กดดันจากโลว์ ซีซัน (LOW SEASON) และปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองยังคงส่งผลต่อปริมาณนักท่องเที่ยวเอเชียซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์สูง และมีสัดส่วนถึง 51% ของรายได้รวม ทำให้มองว่าจุดเปลี่ยนในการเข้าลงทุนยังไม่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ในการประชุมนักวิเคราะห์สัปดาห์ก่อน การบินไทย เผยถึงแนวโน้มว่าจะขาดทุนจากการดำเนินปกติไตรมาสแรกราว 3.5 พันล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 900 ล้านบาท) ซึ่งจะแย่กว่าที่ประเมินในรายงานฉบับก่อนหน้าที่ 2.9 พันล้านบาท
ทั้งนี้ การดำเนินการลดต้นทุนยังต้องใช้เวลา จากอุปสงค์ที่ยังไม่มากพอ และการบินไทย (THAI) มีแผนปลดระวางเครื่องบินเร็วขึ้นอีก 2 ลำ เป็น 15 ลำในปีนี้ ขณะเดียวกัน ก็ปรับลดงบลงทุนลง 28% เป็น 1.8 หมื่นล้านบาท พร้อมกับการกำหนดแผนการลดต้นทุนภายใน 10% และแผนการทยอยลดพนักงานลง 2-3 พันคน ภายในเวลา 3 ปีข้างหน้า