น้องใหม่“เลเจนท์ อุตสาหกรรม” ส่งกระเบื้องสีสั่งได้บุกชิงแชร์ตลาดบ้านหรู

“เลเจนท์ อุตสาหกรรม” เปิดตัว “LegendLifetile” กระเบี้องคอนกรีตลอนสเปน และกระเบื้องแผ่นเรียบ ด้วยเทคโนโลยีคัลเลอร์ทรู เต็มรูปแบบ ผลิตสีตามสั่ง แถมเลือกเทคนิคเพิ่มลวดลายบนผิวหน้ากระเบื้องได้ ยืนยันแข็งแรง ทนทานมากกว่ากระเบื้องหลังคาทั่วไป ราคา 600-1,200 บาท/ตร.ม. เน้นจับกลุ่มลูกค้าบ้านหรู

นายวรุตม์ บัณทิตยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายผลิต บริษัท เลเจนท์ อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากประสบการณ์การทำงานเป็นวิศวกรผู้ออกแบบอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีประสบการณ์ในธรุกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้ว จึงได้เล็งเห็นโอกาสช่องว่างทางการตลาดกระเบื้องมุงหลังคาในประเทศไทย ที่ยังไม่มีผู้ลิตรายใดผลิตกระเบื้องที่มีโทนสีเลียนแบบธรรมชาติ สีทูโทนภายในแผ่นเดียวกัน รูปแบบลอนที่แตกต่าง

บริษัทจึงได้ลงทุนสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายกระเบื้องมุงหลังคาพรีเมี่ยมคัลเลอร์ทรูคอนกรีต “LegendLifetile” ที่ใช้เทคโนโลยี และกระบวนการผลิตรุ่นล่าสุดโดยใช้เทคนิคพิเศษ ในการผสมสีเข้าไปในเนื้อคอนกรีตแบบ ColorThRu เต็มรูปแบบ สีหลังคามีความยืดหยุ่น ขณะที่รูปแบบลอนกระเบื้องเป็นแบบ Spanish Villas ที่ไม่เคยมีการผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อน นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถออกแบบเองได้ หรือ UNMATCHED ColorThRu พร้อมสร้างความมั่นใจในคุณภาพให้กับผู้บริโภค ด้วยมาตรฐานการรับประกัน 30 ปี

สำหรับจุดเด่นของกระเบื้องมุงหลังคาคอนกรีตของเลเจนท์ มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม Mission "S" ในรูปแบบลอน หรือที่เรียกว่ากระเบื้องพรีเมี่ยมลอนสเปน ด้วยรูปลักษณ์พิเศษลอนกระเบื้องใหญ่ และลอนสูงกว่ากระเบื้องทั่วไป มีลักษณะเป็นร่องระบายน้ำขนาดใหญ่ช่วยให้น้ำไหลผ่านได้เร็วและรับกับการทำระบบหลังคาแบบเย็น โดยความสูงของลอนจะช่วยเพิ่มช่องว่างใต้กระเบื้องหลังคา ทำให้การระบายอากาศและลดความร้อนใต้หลังคาได้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดความร้อนได้ 50% และ ช่วยลดการใช้พลังงาน 20%

กลุ่ม English Thatch เป็นกระเบื้องแผ่นเรียบ ที่ใช้นวัตกรรมขึ้นรูปด้วยโมล์ดที่มีความทันสมัย ส่งผลให้สามารถลดน้ำหนักกระเบื้องได้สูงสุดแผ่นละ 0.5 กิโลกรัม แต่ในขณะเดียวกันยังมีความแข็งแกร่งและความทนทาน เกินกว่าที่มาตรฐานกำหนด กระเบื้อง English Thatch มีน้ำหนักเบา 4.8 กิโลกรัม/แผ่น เนื่องจากกระเบื้องมีกระดูกช่วยรับน้ำหนักแต่ไม่ลดความแข็งแรง ขณะที่กระเบื้องทั่วไปหนัก 5.3-5.5 กิโลกรัม/

นอกจากนี้ ยังใช้ซีเมนต์ล้วน (ปูนปอร์ตแลนต์ประเภท1) เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระเบื้องมุงหลังคา โดยไม่ใส่ไฟแอสในการลดต้นทุนการผลิต และใช้ทรายที่มีค่าโคลน ฝุ่น เจือปนต่ำมาก ที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตแก้ว มีค่า clay content อยู่ที่ประมาณ 3% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสะอาดและมีความคละกันที่พอเหมาะตามมาตรฐาน ASTM พร้อมกับการใช้เทคโนโลยี Moisture Sensor ควบคุมการผลิต ซึ่งช่วยในเรื่องการควบคุมคุณภาพคอนกรีตให้มีความพรุนต่ำ ทำให้คอนกรีตมีความคงทนมากยิ่งขึ้น ทำให้กระเบื้องแผ่นเรียบของเลเจนท์ สามารถรับน้ำหนักได้ 1,000 นิวตัน ภายใน 24 ชั่วโมงขณะที่มาตรฐาน มอก.กำหนดไว้ที่ 737 นิวตัน ส่วนแผ่นลอน มอก.กำหนดไว้ต้องรับน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1,528 นิวตัน แต่กระเบื้องของ Legend ภายใน 24 ชม.สามารถรับน้ำหนักได้ประมาณ 1,700 นิวตัน

สำหรับสีของกระเบื้อง เลเจนท์จะใช้สีนำเข้าจากเยอรมันที่มีคุณภาพสูงใส่ปริมาณสีต่ำ แต่ให้ค่าความเข้มข้นสีสูง และเป็นสีประเภทอินออร์แกนิคที่เกิดจากปฎิกริยา oxidation ในโลหะประเภทต่างๆ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ประกอบกับเทคนิค ColorThRu ทำให้สีคงทน ในส่วนของกระบวนการผลิตจะเป็นคัลเลอร์ทรูโทนเต็มรูปแบบ (Full-Scale Colorthru) ลูกค้าสามารถเป็นผู้กำหนด สีเองได้

ด้วยเทคนิคการเล่นสี 4 เทคนิคที่สำคัญ ได้แก่ 1. Flate : เทคนิคการผสมสีหลายสีลงในกระเบื้องแผ่นเดียว 2. Blending :เทคนิคการนำกระเบื้องที่มีสีแนวคล้ายคลึงกันมาผสมกันเป็นกระเบื้องผืนใหญ่ เพื่อให้สีดูเป็นธรรมชาติ 3. Antique :เทคนิคการผสมสีที่ทำให้กระเบื้องเป็นริ้วดูเก่า แบบผ่านการใช้งานมาแล้ว ขึ้นตะไคร่ ขึ้นเชื้อรา และ 4. Bird Shit :เทคนิคการทำขี้นกบนหลังคา

นายวรุตม์ กล่าวต่อว่า บริษัทเน้นทำตลาดระดับบน ที่กลุ่มลูกค้ามีความต้องการความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และไม่เหมือนใคร โดยมีราคาซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นและสีกระเบื้อง ประมาณ 600-1,200 บาท/ตารางเมตร (รวมอุปกรณ์แล้ว) ราคาใกล้เคียงกระเบื้องพรีเมี่ยมคอนกรีตในท้องตลาด

นอกจากนี้บริษัทยังผลิต หินกรุผนัง และโครงหลังคาสำเร็จรูป อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการของ เลเจนท์ อาทิ โครงการบ้านณุศาพระราม 2, โครงการบ้านณุศาชิวานี พัทยา, หมู่บ้านนคราทรัพย์ อ.เมือง จ.ชลบุรี ,พรีโมเฮ้าส์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา, โครงการทอสคาน่า ส่วน Lacacetta เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา, Le Provonce สวนผึ้ง และลูกค้ารายย่อยอื่นๆ เป็นต้น

ปัจจุบันตลาดกระเบื้องมุงหลังคาคอนกรีตมีมูลค่ารวมประมาณ 90 ล้านแผ่นต่อปี แบ่งเป็นกระเบื้องแบบลอน 60% แบบแผ่นเรียบประมาณ 40% มูลค่าตลาดรวมประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี ในจำนวนนี้เป็นกระเบื้องหลังคา พรีเนียมประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการแข่งขันอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในตลาดมานานและไม่ค่อยมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาในตลาด ดังนั้นจึงผลิตกระเบื้องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค เน้นจับกลุ่มบริษัทสถาปนิก ผู้พัฒนาสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้าหมายยอดขายในปีนี้ประมาณ 800,000 แผ่น หรือประมาณ 30 - 40 ล้านบาท