“กรุงศรีฯ” เดินหน้ารุกสินเชื่อเอสเอ็มอี ตั้งเป้าปีนี้โต 12.4% และมีมาร์เกตแชร์ติด 1 ใน 3 ของระบบภายใน 5 ปี เน้นจับกลุ่มซัปพลายเชน ธุรกิจรถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เป็นฐานลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหม่ จับตากลุ่มรายย่อยสัญญาณผิดนัดชำระหนี้เพิ่ม
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) เปิดเผยถึงเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตที่ระดับ 12.4% จากยอดคงค้่าง 184,000 ล้านบาท เป็น 270,000 ล้านบาท โดยจะเน้นขยายในส่วนของผู้ประกอบการขนาดกลาง และเล็ก ส่วนผู้ประกอบการรายย่อยนั้นจะเติบโตต่ำกว่า เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเร็วกว่ากลุ่มอื่น
สำหรับสินเชื่อผู้ประกอบการรายกลางตั้งเป้าเติบโต 14% จากพอร์ต 78,000 ล้านบาท ผู้ประกอบขนาดเล็กเติบโต 16% จากพอร์ต 52,000 ล้านบาท และผู้ประกอบการรายย่อยเติบโต 8% จากพอร์ต 53,000 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของพอร์ตรวมเอสเอ็มอีอยู่ในระดับไม่ถึง 1% เอ็นพีแอลรายกลางต่ำกว่า 0.5% รายเล็กสูงกว่า 0.5% เล็กน้อย และรายย่อย 1% กว่า
หวังขึ้นแท่น 1 ใน 3 ภายใน 5 ปี
นายสยาม กล่าวอีกว่า ในระยะต่อไปจะเน้นเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดไปสู่กลุ่มธุรกิจที่อยู่ในเครือข่าย หรือซัปพลาย เชน ในกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ของกรุงศรีคือ ธนาคารโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (BTMU) โดยการออกผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดี
“กรุงศรีซึ่งมีความโดดเด่นในด้านธุรกิจรายย่อยอยู่แล้ว จะมีศักยภาพมากขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ที่มีความแข็งแกร่งด้านลูกค้ารายใหญ่เข้ามา โดยกลุ่มลูกค้าขนาดกลาง และย่อมก็จะเข้ามาเป็นส่วนที่เชื่อมได้ทั้งซัปพลายเชน ของลูกค้ารายใหญ่ และกลุ่มรายย่อย โดยเราตั้งเป้ามีมาร์เกตแชร์เป็น 1 ใน 3 ของระบบใน 5 ปี จากขณะนี้ที่เรามีมาเก็ตแชร์ 7% จะต้องเพิ่มเป็น 15%”
จับตากลุ่มรายย่อยรับผลกระทบแรง
นายสยาม กล่าวว่า เราคงยังไม่ปรับเป้าหมายสินเชื่อในปีนี้ แม้ว่าตอนที่ทำแผนจะตัวเลขประมาณการจีดีพีจะอยู่ที่ 4% แต่จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางต่อไป ซึ่งปีนี้นอกจากจะต้องเน้นทั้งในเรื่องของการขยายสินเชื่อแล้ว ก็จะต้องเน้นเรื่องคุณภาพ และการติดตามด้วย ซึ่งหากเห็นสัญญาณปัญหาก็จะแก้ไขได้ทันท่วงที
สำหรับเมื่อปี 2556 สินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารเติบโต 19% หรือมียอดคงค้าง 220,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 208,700 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางโต 30% ขนาดเล็กโต 1% และรายย่อยโต 8% ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้น
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ายอดคงค้างของสินเชื่อเอสเอ็มอีลดลง เนื่องจากในปีนี้ธนาคารได้ปรับระบบการแบ่งลูกค้าระหว่างกลุ่มรายใหญ่ กับเอสเอ็มอีให้ชัดเจขึ้น โดยหากลูกค้ามียอดขายเกินกว่า 1,000 ล้านบาท จะอยู่ในกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ ทำให้มีการโอนลูกค้าส่วนหนึ่งไปพอร์ตรายใหญ่ประมาณ 36,000 ล้านบาท
ด้านการรวมสินทรัพย์ของสาขาธนาคาร BTMU ในไทยเข้ากับธนาคารกรุงศรีนั้น น่าจะเสร็จสิ้นได้ภายในสิ้นปี ซึ่งจะทำให้ธนาคารกรุงศรีมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับใกล้เคียงกับธนาคารพาณิชย์อันดับ 4 ของไทยในปัจจุบันมากขึ้น