“เบอร์ลี่ ยุคเกอร์” ทรุดรายได้ในประเทศหด จากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง คาดการณ์กำไรปีนี้โตแค่ 1% หวังรายได้ไทอัน จากเวียดนามช่วยหนุน เผยเตรียมอัดงบลงทุน 5 พันล้านบาท ย้ายโรงงานขวดแก้วไปสระบุรี และตั้งเป้าขยายสาขาร้านโอเกงกิเพิ่มอีก 28 สาขา
น.ส.เมธินี อิสรจินดา รองผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC กล่าวว่า จากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/56 จนจนถึงไตรมาสที่ 1/57 ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทในทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่บริษัทฯ ขายให้แก่ทางหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐบาลโดยตรง ไม่สามารถขายได้ และเนื่องจากรัฐบาลขาดเสถียรภาพ บริษัทจึงได้ปรับแผนการตลาดโดยเน้นไปให้บริการเช่าแทนการขาย เพื่อรักษาสภาพคล่องของบริษัท
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพียงแค่ 10-15% ส่วนกำไรคาดว่าจะโตเพียง 1% เท่านั้น ซึ่งเปรียบเทียบจากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปี 2555 ที่ 24.1% และปี 2556 ที่ 23.9% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ในปี 2555 อยู่ที่ 6.5% และปี 2556 อยู่ที่ 5.7%
อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทได้วางงบการลงทุนไว้ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยจะใช้ในการดำเนินการเคลื่อนย้านโรงงานผลิตขวดแก้วที่เขตราษฎร์บูรณะ ไปยังจังหวัดสระบุรี และอีก 3,000 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินลงทุนขยายสาขาเพิ่มร้านขายยาโอเกงกิ ซึ่งปีที่แล้วได้เปิดไปแล้ว 8 สาขา บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาเพิ่มในปีนี้ให้ได้อีกอย่างน้อย 28 สาขา แต่ทั้งนี้คาดว่าจำนวนสาขาที่ตั้งไว้อาจไม่สามารถเปิดได้เนื่องจากผลกระทบทางการเมือง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้วางแผนในการเปิดร้านขายสินค้าจากโรงงาน (Outlet) ในแบรนด์ พรีเมียม แวร์เฮาส์ ในประเทศไทยอย่างน้อย 1 แห่ง
ขณะเดียวกัน ในส่วนของการลงทุนในประเทศเวียดนาม จากที่บริษัทฯ ได้ซื้อกิจการของบริษัท ไทอัน เวียดนาม จอยส์สต็อก คัมปะนี ในประเทศเวียดนามในปีที่แล้ว ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ของบริษัทไทอันได้เต็มปีในปีนี้ โดยคาดว่ารายได้จากไทยอันจะเข้ามาช่วยเสริมรายได้ในประเทศที่มีอัตราลดลง ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะหาช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบใหม่ๆ นอกจากแวร์เฮาส์ และคอนวีเนียน สโตร์ และร้านโมเดิร์น เทรด ขณะที่แผนการเข้าซื้อกิจการใหม่ บริษัทฯ ได้มีการเจรจาเพื่อเข้าซื้อโรงงานผลิตยาในประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ในขั้นของการเจรจา