ไปไม่รอด
แม้จะมีข่าวดี คณะกรรมการนโยบายการเงิน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยตลาดพันธบัตรซื้อคืนลง 0.25% แต่ตลาดหุ้นได้ซึมซับรับขาวไปล่วงหน้าแล้วจึงไม่มีปฏิกริยาตอบรับในเชิงบวก แต่เกิดการเทขายทำกำไร ฉุดดัชนีให้ปรับฐานลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นย่านเอเชีย
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,356.42 จุด ลดลง 7.86 จุด มูลค่าซื้อขาย 30,287 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 225 ล้านบาท
ปัจจัยแวดล้อมตลาดหุ้นกลับมาเป็นลบอีกครั้ง โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ชี้ขาด พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐบาลไม่มีเงินลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ซึ่งจะใช้เป็นเครื่องมือกะตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้เสถียรภาพรัฐบาลง่อนแง่นมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกทรุดตัวลง ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งปรับตัวลงมาและฉุดดัขนีให้ลงตาม
สถานการณ์ต่างประเทศยังไม่ดีนักเพราะมีความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ส่วนภายในประเทศการเมืองก็ยังยุ่งเหยิงต่อไป โดยเฉพาะการปลุกระดมสร้างกระแสต่อต้านคำตัดสินขององค์กรอิสระต่างๆ จากรัฐบาล และจะก่อชนวนให้เกิดความรุนแรง เพียงเพื่อการเอาตัวรอดของของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำลายความเชื่อมั่นการลงทุนโดยตรง
ตราบใดที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังดันทุรังต่อไป หุ้นก็คงจะหมดโอกาสที่จะฟื้นคืนสู่ความสดใสเต็มรูปแบบ นอกจากประคับประคองตัว และร้อนขึ้นเป็นบางโอกาสเท่านั้น แต่แนวโน้มใหญ่ยังมีลักษณะทรงตัวอยู่
แม้จะมีข่าวดี คณะกรรมการนโยบายการเงิน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยตลาดพันธบัตรซื้อคืนลง 0.25% แต่ตลาดหุ้นได้ซึมซับรับขาวไปล่วงหน้าแล้วจึงไม่มีปฏิกริยาตอบรับในเชิงบวก แต่เกิดการเทขายทำกำไร ฉุดดัชนีให้ปรับฐานลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นย่านเอเชีย
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,356.42 จุด ลดลง 7.86 จุด มูลค่าซื้อขาย 30,287 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 225 ล้านบาท
ปัจจัยแวดล้อมตลาดหุ้นกลับมาเป็นลบอีกครั้ง โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ชี้ขาด พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐบาลไม่มีเงินลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ซึ่งจะใช้เป็นเครื่องมือกะตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้เสถียรภาพรัฐบาลง่อนแง่นมากขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกทรุดตัวลง ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งปรับตัวลงมาและฉุดดัขนีให้ลงตาม
สถานการณ์ต่างประเทศยังไม่ดีนักเพราะมีความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ส่วนภายในประเทศการเมืองก็ยังยุ่งเหยิงต่อไป โดยเฉพาะการปลุกระดมสร้างกระแสต่อต้านคำตัดสินขององค์กรอิสระต่างๆ จากรัฐบาล และจะก่อชนวนให้เกิดความรุนแรง เพียงเพื่อการเอาตัวรอดของของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำลายความเชื่อมั่นการลงทุนโดยตรง
ตราบใดที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังดันทุรังต่อไป หุ้นก็คงจะหมดโอกาสที่จะฟื้นคืนสู่ความสดใสเต็มรูปแบบ นอกจากประคับประคองตัว และร้อนขึ้นเป็นบางโอกาสเท่านั้น แต่แนวโน้มใหญ่ยังมีลักษณะทรงตัวอยู่
