ก.ล.ต. ร่วมกับ ตลท. และ 5 สมาคม ริเริ่มโครงการสานฝันด้วยเงินพันบาท เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อย สร้างความมั่นคงก่อนวัยเกษียณ ด้วยตัวเลือกจากทุกกลุ่มการลงทุนกว่า 46 กองทุน พร้อมเตรียมขยายตลาดการออมสู่ทุกโมเดิร์นเทรด
นายวรพล โสติคยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. ให้ความสำคัญต่อการออมเงินผ่านการลงทุน จึงพยายามขยายฐานการลงทุนด้วยการร่วมมือกับร่วมมือกับทางสมาคมหลักทรัพย์บริษัทจัดการกองทุนต่างๆ วางแนวทางการออกกองทุน รองรับกลุ่มคนที่เริ่มเข้าสู่วันทำงานยังมีเงินไม่มาก และกลัวการลงทุนเนื่องจากไม่มีความรู้ โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างวินัยทางการเงิน ให้คนกลุ่มนี้มีเงินใช้หลังจากเกษียณ
ด้านนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ทางสมาคมฯ สนับสนุนให้ประชากรวัยทำงาน ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อเป็นแรงสนับสนุนในการออมเงิน ในขณะที่บริษัทหลักทรัพย์จะเป็นที่ปรึกษาช่วยเลือกการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และมีความเสี่ยงน้อย ซึ่งมีความยืดหยุ่นและเหมาะสมฐานะการเงินของนักลงทุน
"สมาคมหลักทรัพย์บริษัทจัดการกองทุนต่างๆ ได้ออกกองทุนให้เลือกถึง 3 ระยะ ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งในทุนตราสารหนี้ หุ้น และอนุพันธ์ โดยมีกองทุนหลากหลายประเภทให้เลือกถึงกว่า 46 กองทุน เน้นให้ผู้ลงทุนเข้าใจง่ายสามารถออมด้วยเงินเริ่มต้นซื้อกองทุนด้วยเงินเพียง 1,000 พันบาท/เดือน สามารถออมได้ผลตอบแทนจนถึงอายุ 80 ปี เพื่อให้ผู้ลงทุนไม่ลำบากในวัยเกษียณ ผู้สนใจสามารถซื้อได้ที่ธนาคารพาณิชย์ทั่วไป และในอนาคตได้วางแผนที่จะวางจำหน่ายร่วมกันกับห้างโมเดิร์นเทรด เช่น เทสโก้โลตัส, บิ๊กซี, ท็อปส์, ร้านสะดวกซื้อ 7-ELEVEN ช่วยในการการจายการลงทุน เพื่อความสะดวกของกลุ่มประชาชนที่มีความสนใจในการออมเพิ่มมากขึ้น ส่วนพนักงานบริษัทสามารถหักจากบัญชีเงินเดือนเพื่อเข้ากองทุนก่อนเกษียรได้อีกด้วย " นายวรพล กล่าว
เช่นเดียวกับนายสมจินต์ ศรไพศาล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ที่กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีชนชั้นแรงงานที่เป็นชนชั้นกลางจำนวนมาก ซึ่งหากสามารถช่วยให้คนกลุ่มนี้เริ่มต้นออมตั้งแต่เริ่มทำงาน เมื่อเกษียณจะมีเงินเก็บที่สูงมาก และมีผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อการลงทุน แต่ส่วนใหญ่ติดอุปสรรคที่ความกลัวการลงทุน และไม่กล้าลงทุนเพราะเงินไม่มากพอ
ขณะที่ นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าววว่า สมาคมฯ มีเครือข่ายธนาคารไทย และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมดกว่า 6,000 แห่ง มีบุคลากรที่พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับการออมผ่านการลงทุน ซึ่งหากประชากรฐานล่างมีเป็นจำนวนมากสามารถมีเงินออม จะถือเป็นการผลักดันประเทศให้เจริญเติบโตตั้งแต่ระดับครอบครัว เรื่อยไปจนถึงสังคมโดยรวมของประเทศ
