“กรุ๊ปลีส” ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ พลิกเงินสำรองหนี้เสียปี 2556 กลับเป็นกำไร หลังตลาดเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และธุรกิจในกัมพูชาพ้นจุดคุ้มทุน คาดปีนี้ทำกำไรนิวไฮ
นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL กล่าวว่า ปัจจุบันวิกฤตการเมืองเริ่มคลี่คลายลง ทำให้ธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะลูกค้าเริ่มกลับมามีสภาพคล่อง และสามารถชำระค่างวดได้ตามปกติตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2557 เป็นต้นไป
บมจ.GL รายงานตัวเลขกำไรสุทธิ 240.31 ล้านบาท ในปี 2556 ลดลง 32.75% จากกำไรสุทธิ 357.38 ล้านบาท ในปี 2555 โดยมีสาเหตุหลักจากบริษัทฯ ได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญสูงมากถึง ในปี 2556 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่า จากที่ตั้งสำรองในปี 2555 เพียง 45.25 ล้านบาท
นายมิทซึจิ ชี้แจงว่า การตั้งสำรองที่สูงมากในปี 2556 นั้น เนื่องจากบริษัทฯ ปฏิบัติตามมาตรฐานทางบัญชีที่เข้มงวด ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงแล้วบางส่วนอาจไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองก็ได้ เนื่องจากลูกค้าของบริษัทฯ ไม่ได้ตกงาน เพียงแต่มีรายได้ลดลงจากการไม่มีรายได้ค่าทำงานล่วงเวลา หรือโอที หลังภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จึงไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดได้ตรงตามเวลาเท่านั้น
“ผมเชื่อว่าปัญหาการเมืองจะคลี่คลาย และสภาพตลาดจะกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป และเมื่อลูกค้าสามารถกลับมาผ่อนชำระค่างวดได้ตรงตามเวลา จะส่งผลให้เราสามารถบันทึกเงินที่ได้สำรองไว้ก่อนหน้านี้กลับมาเป็นผลกำไรในปีนี้” นายมิทซึจิ กล่าว
ขณะเดียวกัน ผลประกอบการจากบริษัท GLF ซึ่งเป็นบริษัทฯ ลูกในกัมพูชา จะเริ่มสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำในปีนี้ หลังสามารถทำยอดลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันเฉลี่ยเดือนละ 1,000 ราย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3,000-4,000 รายต่อเดือน ภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ยอดลูกค้าสะสม ณ สิ้นปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 20,000-25,000 รายจากปัจจุบันที่มียอดลูกค้าสะสมรวม 5,0000 ราย โดยคาดว่า GLF ในกัมพูชา จะสร้างกำไรได้ประมาณ 20% ของกำไรรวมทั้งทั้งปีของ GL
“ธุรกิจในกัมพูชา มีพัฒนาการอย่างมั่นคง และตลาดมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก คุณภาพลูกค้าดี มีอัตรา NPL เพียง 0.5%” นายมิทซึจิ กล่าว
ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝ่ายบริหารได้ใช้จังหวะช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว กระชับประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ตลอดจนขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นตลาดลูกค้าหลักของ GL ที่เป็นกลุ่มคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยตัวเลขยอดขายใหม่ในขณะนี้เฉลี่ย 7,000 รายต่อเดือน ซึ่งคาดว่าจะทยอยเพิ่มสูงขึ้นในครึ่งปีหลัง และเติบโตไปถึง 10,000 รายภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมไม่เอื้ออำนวยในการรุกตลาดอย่างเต็มที่ แต่ยอดลูกค้าสะสมของ GL ก็ยังเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2556 มียอดปล่อยสินเชื่อรวม 4,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่ปล่อยสินเชื่อรวม 3,300 ล้านบาท ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการรุกตลาดอย่างเต็มที่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยล่าสุด บริษัทฯ คาดว่ายอดการปล่อยสินเชื่อทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 6,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้