นักวิเคราะห์ประเมินผลประกอบการ บจ. และจีดีพีไทย ไตรมาส 1 ปี 57 ออกมาไม่ค่อยดี แนะจับตา ศก.จีน ชะลอความร้อนแรง เพราะการคุมฟองสบู่กระทบธุรกิจแบงก์ พร้อมกับเจอปัญหาธนาคารเงา “อเบอร์ดีน” มองหุ้นไทยยังน่าสนใจเมื่อเทียบกับภูมิภาค บจ. แข็งแกร่ง มีความเชี่ยวชาญธุรกิจ แถมจ่ายปันผลสูง
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง (BLS) กล่างถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และตัวเลขเศรษฐกิจของไทย (จีดีพี) ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2557 โดยคาดว่าจะออกมาไม่ดีนัก อันเป็นผลจากนโยบายของภาครัฐฯ และการชะลอตัวของการบริโภครวมถึงการลงทุน ซึ่งอาจมีผลต่อความมั่นใจของนักลงทุน
ส่วนปัจจัยในต่างประเทศ นักลงทุนยังเฝ้ารอดูตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ซึ่งที่ผ่านมา ก็แผ่วลงเรื่อยๆ และถ้าหากจีนจะทำให้จีดีพีเติบโตในอัตรา 7.5% ธนาคารกลางจีนก็คงจะต้องมีการผ่อนปรนมาตรการของแบงก์บ้าง แต่เท่าที่ดูภาพใหญ่ยังไม่พร้อมที่จะผ่อนปรน เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจีนยังมีภาพของฟองสบู่อยู่ และจีนก็ยังมีเรื่องระบบธนาคารเงา (shadow banking) อีกด้วย ทำให้เป็นภาพที่ไม่ค่อยดี
ด้านนายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอเบอร์ดีน เปิดเผยว่า บลจ.อเบอร์ดีน มองตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจลงทุนเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นตลาดหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยในระดับสูง ขณะที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และคาดว่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตทางการเมืองในปัจจุบันไปได้
ขณะที่ปัจจุบันดัชนีหุ้นไทยล่าสุดอยู่ที่ 1,352.55 จุด ทรงตัวหลังจากเมื่อวานนี้ แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน ที่ 1,357.39 จุด หลังสถานการณ์การเมืองในประเทศที่กดดันตลาดหุ้นไทยมาตั้งแต่ปลายปีก่อนเริ่มผ่อนคลายลง
อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยค่าพี/อี เฉลี่ยอยู่ที่ 11.8 เท่า แม้ยังมีความเสี่ยงภายนอกประเทศจากเศรษฐกิจโลกที่ยังคงฟื้นตัวได้ช้า และการปรับลดปริมาณการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แต่ปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ ได้สะท้อนในราคาหลักทรัพย์ไปแล้ว
ขณะเดียวกัน บลจ.อเบอร์ดีน ยังเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานมากกว่าสภาพคล่องในระยะสั้นที่เข้ามาในตลาด ซึ่งหลายๆ บริษัทในตลาดหุ้นไทยมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ และคาดว่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ทางการเมืองไปได้ เนื่องจากมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ยังมองว่าจะมีปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อการเติบโตของกำไรสุทธิของบริษัทจากการส่งออกในช่วงต่อไปอีกด้วย โดยทาง บลจ.อเบอร์ดีน ประมาณการว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะเติบโตขึ้น 5% ซึ่งได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนลง
