“บล.เออีซี” ยืนยันการสรรหาบุคลากรทำตามข้อปฏิบัติ โดยให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ชี้ทุกอุตสาหรรมมีการแข่งขันเพื่อพัฒนา “ประธานบอร์ด” ย้ำเป้าหมายมุ่งหน้าสู่ตลาดต่างประเทศ เน้นวาณิชธนกิจ ไม่ได้หวังพึ่งแต่ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ตั้งเป้าปีนี้มาร์เกตแชร์ติด Top10 พร้อมขยายสาขาทั่วประเทศ 18 แห่งภายในปีนี้ แถมเตรียมชง ตลท.ตั้ง Mini mai
นายกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี จำกัด (มหาชน) (AEC) กล่าวถึงกระแสข่าวที่บริษัทถูกต่อต้านจากโบรกเกอร์รายอื่นๆ เพราะมีพนักงานย้ายค่ายมาอยู่กับบริษัทว่า การรับพนักงานทั้งหมดเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจแล้ว ซึ่งการที่บุคลากรตัดสินใจย้ายงานมาที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่าที่เดิมถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นสิทธิของแต่ละคน และบุคลากรในวงการโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งมีมากถึง 5,000 ราย การย้ายมาทำงานกับบริษัทเพียง 100 กว่ารายถือว่าเป็นสัดส่วนไม่มาก
“การแข่งขันมีอยู่ในทุกอุตสาหกรรม เราไม่แคร์ เพราะเราคิดว่านี่ไม่ใช่การทำลายอุตสาหกรรม และเป็นการช่วยให้อุตสาหรรมเติบโต”
ด้านนายประพล มิลินทจินดา ประธานกรรมการบริหาร กล่าวในเรื่องดังกล่าวว่า การป้องกันผู้ประกอบการธุรกิจรายใหม่เข้ามาสู่ตลาดเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ถึงเรือจับปลามี 48 ลำ ก็ไม่เพียงพอ อีกทั้ง บล.เออีซี ไม่มองเพียงการจับปลาในบ่อ เรามองถึงการออกไปเชื่อมโยงในประเทศผ่านการแข่งขันที่เป็นธรรม บริษัทไม่ได้มุ่งเน้นรายได้จากธุรกรรมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ แต่มุ่งเน้นในงานวาณิชธนกิจที่มองว่ามีอยู่เป็นจำนวนมาก และถือเป็นแกนธุรกิจหลักของ บล.เออีซี มากกว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทพร้อมจะรับฟังข้อติเตือนจากผู้อยู่ในธุรกิจเดียวกันทุกคน เพื่อปรับปรุง และทำให้อุตสาหกรรมเติบโต
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแนวคิดที่จะเสนอให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ(ตลท.)ให้จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ Mini MAI เพื่อเพิ่มช่องทางการระดมทุนให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มีขนาดทุนจดทะเบียนในระดับ 10-20 ล้านบาท เพื่อให้ SME มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน และในทางกลับกัน ตลาดหลักทรัพย์ก็จะมีผู้เล่นมากขึ้น และมีสินค้ามากขึ้น
ส่วนแผนธุรกิจในต่างประเทศ บล.เออีซี วางแผนในเบื้องต้น การเข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชา ลาว มาเลเซีย พม่า และเวียดนาม จากนั้นจะขยายให้ครอบคลุมอาเซียน เพื่อเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจในทุกระดับตั้งแต่ระดับภูมิภาคลงไปจนถึงระดับรากหญ้า ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร และใช้เครือข่ายงานวาณิชธนกิจเข้ารับงาน ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 3 เดือนข้างหน้า จากปัจจุบันมีทุนขนาดใหญ่จากยุโรป จีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่สนใจจะลงทุนในหลายด้าน ได้แก่ ปิโตรเคมี พลังงาน อาหาร และท่องเที่ยว ในภูมิภาคอาเซียน
“เราจะมุ่งสู่การเป็นโบรกเกอร์ขนาดใหญ่ติด 1 ใน 5 ของไทยภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งเป้าหมายในปีนี้จะมีมาร์เกตแชร์ให้ได้ 2-3% เพื่อก้าวสู่ Top 10 ก่อน เราจะมีพันธมิตรทางธุรกิจมาก เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนได้มาก เป็นบริการด้าน Business Development ที่ไม่ค่อยมีใครเน้น” นายประพล กล่าว
นายกอบเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนธุรกิจโดยรวมบริษัทจะเพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับการขยายงานโดยภายในเดือนมีนาคม จะมีเจ้าหน้าที่การตลาดเข้ามาดูแลรายย่อยราว 140 คน และดูแลลูกค้าสถาบัน 2-3 คน รวมทั้งทีมเจ้าหน้าที่วิเคราะห์หลักทรัพย์ 8-9 คน ส่วนทีมวาณิชธนกิจ ตั้งเป้าจะมีเพิ่มขึ้นอีก 1 ทีม จากปัจจุบันมี 7 คน และมีพอร์ต Proptrade วงเงิน 200 ล้านบาท
ส่วนแผนขยายสาขาในประเทศ บล.เออีซี ยังเดินหน้าเพิ่มสาขาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในต่างจังหวัด เพื่อเข้าถึงทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อย และกลุ่มผู้ประกอบการในแต่ละภูมิภาค เพื่อเพิ่มช่องทางในการทำวาณิชธนกิจ จากปัจจุบันที่เปิดสาขาแล้วที่ จ.เชียงใหม่ บริษัทกำลังจะเปิดสาขาเพิ่มเติมที่หาดใหญ่ นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในปีนี้จะมีสาขาทั้งสิ้น 18 สาขา