ฟิทช์ฯ ชี้ปรากฏการณ์ประชาชนแห่ถอนเงิน “แบงก์ออมสิน” สะท้อนปัญหาการใช้อำนาจทางการเมืองกดดันระบบธนาคาร และตลาดการเงินไทยมีความเสี่ยงเพิ่ม แต่เชื่อว่าธนาคารยังรับมือไหว
สถาบันจัดอันดับเครดิตชื่อดัง “ฟิทช์ เรทติ้ง” เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่ผู้ฝากเงินได้ถอนเงินฝากกับธนาคารออมสิน แสดงให้เห็นว่าปัญหาทางการเมืองอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบธนาคารและการเงินของประเทศไทย ทั้งนี้ ฟิทช์เคยกล่าวไว้ว่า ความไม่สงบทางการเมืองได้ส่งผลให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ และจะส่งผลต่อเนื่องให้ความเสี่ยงของธนาคารไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น
ปริมาณการถอนเงินฝากออกจากธนาคารออมสินน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่จัดการได้ในขณะนี้ โดยธนาคารรายงานว่า เงินฝากที่ไหลออกสุทธิเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ มีจำนวนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ธนาคารมีฐานเงินฝากรวมอยู่ที่ 1.724 ล้านล้านบาท (ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2556 ) การถอนเงินฝากดังกล่าวเป็นผลมาจากความกังขาของประชาชนหลังจากที่ธนาคารออมสินได้มีการอนุมัติวงเงิน จำนวน 2 หมื่นล้านบาท แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เพื่อนำไปสนับสนุนโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล และน่าจะเป็นสาเหตุจากปัจจัยทางการเมืองมากกว่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงจากสถานะทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ธนาคารออมสินได้ประกาศว่าจะยกเลิกวงเงินดังกล่าวแล้ว
ฟิทช์มองว่า ด้วยสภาพคล่องของธนาคารออมสิน และการสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐผ่านธนาคารกลาง (ธนาคารแห่งประเทศไทย) หรือองค์กรรัฐอื่น น่าจะช่วยให้ธนาคารออมสินสามารถเผชิญกับความเสี่ยงในด้านสภาพคล่องได้ในระยะสั้น
นอกจากนี้ การถอนเงินฝากเพิ่มขึ้นจากธนาคารรัฐแห่งอื่น แม้อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่สำคัญที่จะส่งผลให้ธนาคารรัฐมีภาระที่จะต้องกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารมากขึ้น และอาจรวมไปถึงการกู้ยืมเงินจากธนาคารกลาง ณ ขณะนี้ ฟิทช์เชื่อว่า ในระยะสั้นภาครัฐน่าจะสามารถป้องกัน และบริหารจัดการความท้าทายในด้านสภาพคล่องของธนาคารรัฐได้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของระบบธนาคาร และการเงินยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังคงไม่มีความชัดเจนว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะสิ้นสุดลงเมื่อไร อีกทั้งการหาแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนโครงการจำนำข้างของรัฐบาลก็ยังคงมีความไม่แน่นอน
ทั้งธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เป็นธนาคารที่จัดตั้งขึ้นโดยมีพระราชบัญญัติเฉพาะรองรับ และน่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในระดับที่สูง ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. มีส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านขนาดสินทรัพย์ที่ 10.6% และ 6.1% ของระบบธนาคาร ตามลำดับ (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556) และความมั่นคงทางการเงินของธนาคารทั้ง 2 แห่งมีความสำคัญต่อความมั่นใจโดยรวมต่อระบบธนาคาร และการเงินของประเทศไทย