Tisco คาดตลาดวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ สาเหตุจากรอ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด คนใหม่แถลงทิศทางนโยบายการเงิน และมุมมองเศรษฐกิจต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ครั้งแรกของการดำรงตำแหน่งในคืนนี้ และต่อวุฒิสภาอีกครั้งในวันที่ 13 ก.พ.นี้
สรุปภาวะการซื้อขายตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. (11 ก.พ.) แก่วงตัวผันผวนขึ้นลงหลังจากเปิดตลาด ก่อนที่จะปิดตลาด ที่ 1,297.01 จุด ปรับตัวบวกขึ้น 6.35 จุด หรือ 0.49% มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 12,237.37 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 1,299.85 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,288.36 จุด
หลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 355 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง 218 หลักทรัพย์ และลดลง 199 หลักทรัพย์
โดย 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุดในช่วงเช้าคือ
JAS ปิดที่ 7.55 บาท เพิ่มขึ้น +0.05 บาท หรือ +0.67% มูลค่าการซื้อขาย 942,246 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 166.50 บาท เพิ่มขึ้น +1.00 บาทหรือ +0.60% มูลค่าการซื้อขาย 784,076 ล้านบาท
ADVANC ปิดที่ 210.00 บาท ลดลง -1.00 บาท หรือ -0.47% มูลค่าการซื้อขาย 707,740 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง -2.00 บาท หรือ -1.31% มูลค่าการซื้อขาย 674,781 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 38.75 บาท ลดลง -0.25 บาท หรือ -0.64% มูลค่าการซื้อขาย 576,795 ล้านบาท
นักวิเคราะห์จาก บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้มุมมองภาพรวมตลาดคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบโดยมีทิศออกด้านข้าง (sideway) มีทั้งแดนบวกและลบ แม้ปัจจัยการเมืองและแรงขายต่างชาติกดดัน แต่ทั้งนี้ ในส่วนปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อต่อตลาดหุ้นคือ กลุ่มพลังงาน/โภคภัณฑ์ น่าจะช่วยพยุงดัชนี SET INDEX ให้อยู่ในแดนบวก ได้โดยกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญคือ “ขึ้นขาย-ลงซื้อ” แนะเลือกเทรดในช่วงสั้นของหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์
“เรายังไม่เปลี่ยนมุมมองภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงแกว่งตัวในแดนลบ (Sideway Down) จากปัญหาค่าเงินในประเทศตลาดเกิดใหม่ Emerging Markets ซึ่งส่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง ช่วงนี้เป็นตลาดเทรดดิ้งแค่สั้นๆ”
สำหรับการลงทุนเฉพาะในเดือน ก.พ. บริษัทมองหุ้นที่มีความโดดเด่นซึ่งคาดว่าจะสามารถฝ่าวิกฤตการเมืองรอบนี้ คือ 1.หุ้นที่มีผลประกอบการอิงกับเศรษฐกิจ (ความต้องการ) ในต่างประเทศ เพราะแทบไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง หรือหุ้นที่ได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า จากแนวโน้มการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ ได้แก่ หุ้นประเภทส่งออก KCE, หุ้นรับเหมาต่างประเทศ BJCHI, STPI ประการที่ 2 คือ หุ้นปันผลสูง ได้แก่ INTUCH, KGI, LPN สำหรับหุ้นอื่นๆ ที่มีพื้นฐานดี ได้แก่ BBL, HEMRAJ สำหรับการเทรดดิ้งในระยะสั้น ยังเน้นหุ้นเกี่ยวข้องกับราคาโภคภัณฑ์ เช่น PTT, TOP, TASCO, AJ, PTL
โดยมีกรอบแนวรับที่สำคัญคือ 1,280-1,285 จุด และแนวต้านที่ 1,300-1,305 จุด