ธปท. คาดแนวโน้ม ศก.ไทยฟื้นตัวใน H2/57 หากการเมืองคลี่คลาย และการลงทุนภาครัฐหนุน ชี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่มีผลกระทบต่อตลาดเงิน ค่าบาทไม่ผันผวนมาก พร้อมย้ำ ศก.ไทยยังแข็งแกร่ง และภาคธุรกิจยังมีกำไรดี มั่นใจทั้งปี 57 ศก.โตได้ถึง 3% พร้อมเชื่อภาคส่งออกมีโอกาสฟื้นตัว
นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ภาวะฉุกเฉินฯ จากการประเมินพบว่า ขณะนี้ไม่มีผลกระทบต่อตลาดเงินในประเทศ โดยที่อัตราค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก โดยมองว่า ภาคการเงินของประเทศยังมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง โดยในส่วนของภาคธุรกิจบริษัทฯ หลายแห่งยังมีกำไรที่ดี รวมไปถึงธนาคารพาณิชย์ยังมีผลการดำเนินงานที่ดี ถึงแม้ว่ารายได้ของประชาชนอาจจะลดลง และชะลอตัวลงไปบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นปกติของภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
“ขณะนี้หลังรัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินไปแล้วก็ไม่มีผลทางการเงิน โดยค่าเงินบาทไม่เคลื่อนไหวแบบผันผวน โดยค่าเงินยังมีเสถียรภาพอยู่ ตลาดการเงินได้คำนึงถึงปัจจัยความเสี่ยงไปแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยภาคธุรกิจยังทำกำไรได้ และแบงก์พาณิชย์ก็ยังดีอยู่ แม้ว่ารายได้ประชาชนอาจจะมีการลดลงไปบ้าง สำหรับเงินทุนไหลออกตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาก็ถือว่ายังน้อยอยู่ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่สหรัฐฯ จะลด QE”
ทั้งนี้ ประเมินว่างบประมาณรายจ่ายปี 58 ของรัฐบาลจะล่าช้า โดยปกติแล้วทางรัฐบาลจะต้องมีการเริ่มร่างงบประมาณรายจ่ายปี 58 แล้ว สำหรับส่วนงบประมาณปี 57 นั้น มองว่าในปีนี้จะมีการใช้จ่ายได้เพียงบางส่วน ซึ่งเป็นส่วนของโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะมีการขยายตัวได้ประมาณ 3% จากเดิมที่ได้ประเมินไว้ที่ 4% โดยคาดหวังว่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังที่เริ่มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลกจะช่วยทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตขึ้นได้ รวมไปถึงหากปัญหาทางการเมืองไม่ยืดเยื้อนานก็จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น
“มองว่าในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัว โดยส่งออกจะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อน รวมไปถึงหากการเมืองคลี่คลายเร็ว และจะทำให้มีการใช้จ่ายของภาครัฐ และการบริโภคในประเทศก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้”