แบงก์ชี้เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ทั้งจากความเสี่ยงปัจจัยทางการเมือง ภาคการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ “ไทยพาณิชย์” คาดดอกเบี้ยนโยบายแตะ 1.75% ในครึ่งปีแรก ด้าน “ซีไอเอ็มบี ไทย” ประเมินครั้งหน้าลดดอกเบี้ย ศก.ครึ่งปีแรกแผ่วหนัก คาดโตไม่ถึง 2%
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ที่มีมติ 4 ต่อ 3 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% เนื่องจากนโยบายการเงินยังผ่อนคลายเพียงพอ หลังจากที่ได้ปรับลดลง 0.25% เหลือ 2.25% ในการประชุมครั้งก่อน ขณะที่สถานการณ์การเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงระยะสั้น ซึ่ง กนง. ให้ความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศเพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ อีไอซี ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะชะลอตัว และมีความเสี่ยงค่อนข้างมากจากความไม่แน่นอนทางการเมือง การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2013 โดยมีปัจจัยทางการเมืองเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และยังกระทบต่อแผนการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีแนวโน้มหยุดชะงักตลอดปีนี้ ขณะที่แม้ว่าเศรษฐกิจหลักในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นแล้ว แต่สินค้าส่งออกหลักของไทยยังคงไม่ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวในระยะที่ผ่านมา
ดังนั้น คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงมาอยู่ที่ 1.75% ภายในครึ่งปีแรก นโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ ในภาวะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยง และขาดแรงกระตุ้นจากภาคการคลัง เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังคงมีมากกว่ากว่าปัจจัยเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และด้านเสถียรภาพอื่นๆ เช่น การเร่งตัวของหนี้ครัวเรือน และภาวะเงินทุนเคลื่อนย้าย นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจะช่วยสนับสนุนการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่ชะลอตัว เมื่อเศรษฐกิจเริ่มกลับมามีเสถียรภาพ
ด้านนายอมรเทพ จาวะลา หัวหน้าส่วนวิจัยเศรษฐกิจและตลาดการเงิน สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากปลายปีก่อน และจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่กดดันแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประกอบกับที่ทางสภาพัฒน์จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของไตรมาส 4 ปีที่แล้วในเดือน ก.พ.2557 ซึ่งคาดว่าจะสร้างความผิดหวังกว่าที่คาด น่าจะมีผลให้ทาง กนง. ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมหน้าในวันที่ 12 มี.ค.2557
อย่างไรก็ดี กว่าที่ผลจากการลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผ่านถึงการลดต้นทุนของผู้ผลิต และการลดภาระของผู้บริโภค โดยปกติจะกินระยะเวลาพอสมควร จึงคาดว่าจะมีผลให้เศรษฐกิจในครึ่งแรกของปีนี้ไม่สดใสนัก โดยสำนักวิจัยประเมิน GDP ไทยปีนี้ว่าจะเติบโตได้ราว 3.4% แต่มีโอกาสโตได้ไม่ถึง 2% ในช่วงครึ่งแรกของปี ก่อนจะเร่งตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากความเชื่อมั่นที่จะกลับมาหลังปัญหาต่างๆ คลี่คลายลง
ด้านเงินบาทคาดว่าจะอ่อนค่าสู่ระดับ 33.50 บาท/เหรียญสหรัฐ ปลายไตรมาสแรก ก่อนจะปรับแข็งค่าตามการส่งออกที่ดีขึ้น ขณะที่การนำเข้ามีแนวโน้มอ่อนแอ อันจะลดแรงกดดันเงินบาท ค่าเงินบาทคาดว่าจะแตะระดับ 32.75 บาท/เหรียญสหรัฐช่วงปลายปี