ธปท.เผยระบบการเงิน และการเบิกถอนเป็นปกติ หลังกลุ่ม กปปส.ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ช่วงวันที่ 13-15 ม.ค.ที่ผ่านมา กนง. เตรียมประเมินผลกระทบในการประชุม 22 ม.ค.นี้
นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อติดตามผลการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชน ในช่วงที่กลุ่ม กปปส.ปิดกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13-15 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าระบบการเงินและตลาดการเงินทำงานเป็นปกติ โดยเอทีเอ็มของธนาคารพาณิชย์สามารถให้บริการรองรับการฝาก และถอนเงินได้ตามปกติ รวมทั้งในพื้นที่ที่มีการชุมนุม โดยมีตู้เอทีเอ็ม จำนวน 35 ตู้ ที่ทำงานขัดข้องบางช่วงเวลา เช่น สาขาเพชรบุรี 47 สาขาแพลทินัม ซึ่งได้มีการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่การเบิกถอนเงินของธนาคารพาณิชย์จากธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า มีปริมาณน้อยลง เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีการสำรองปริมาณเงินสดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมของธนาคารพาณิชย์
ส่วนจำนวนสาขาที่ธนาคารพาณิชย์ปิดทำการมีจำนวนน้อยลง จากช่วงวันที่ 13 ม.ค. ที่มีสาขาในกรุงเทพฯ ปิดทำการ 123 สาขา แต่ในวันนี้ (16 ม.ค.) จำนวนสาขาที่ปิดมีเพียง 46 สาขา จากสาขาธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 2,122 แห่ง ซึ่งสะท้อนว่าธนาคารพาณิชย์สามารถให้บริการเต็มรูปแบบ ภายใต้การใช้แผนการบริหารงานต่อเนื่อง (บีซีพี)
ส่วนตลาดการเงินเป็นปกติเช่นกัน โดยอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรเคลื่อนไหวแคบๆ ขณะที่เงินบาทมีเสถียรภาพแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย และธุรกรรมเป็นปกติ
โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อยู่ระหว่างประเมินผลกระทบจากการปิดกรุงเทพมหานคร ว่า มีผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงมากน้อยแค่ไหน เพื่อนำเข้าหารือในที่ประชุม กนง. วันที่ 22 ม.ค.นี้ เพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดย กนง.ยังคงประชุมในวันดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังต้องประเมินสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองต่อไป โดย ธปท.ปิดสำนักงานใหญ่เป็นการชั่วคราวจนถึงวันศุกร์ที่ 17 ม.ค.นี้ และไปปฏิบัติงานที่ศูนย์ปฏิบัติงานสำรองชั่วคราวแทน ก่อนตัดสินใจว่าจะเปิดสำนักงานใหญ่ในสัปดาห์หน้าหรือไม่
สำหรับงานด้านพันธบัตรที่ต้องติดต่อกับประชาชน ได้ย้ายไปทำการชั่วคราวที่ธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า อาคาร Tower A ชั้น 1 ซึ่งพบว่ามีประชาชนมาติดต่อสอบถามเรื่องการไถ่ถอนพันธบัตร
