นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุปัญหาการเมืองตัวชี้วัดแนวโน้มอสังหาฯ หากจบเร็วตลาดฟื้นเร็วตาม หนุนอสังหาฯ ปี 57 โต 10% บ้านจัดสรรทำได้แค่ทรงตัว เหตุที่ดินแพง ขณะที่ทาวน์เฮาส์ล้านต้นๆ หายไปจากตลาด ส่วนคอนโดฯ โตไม่เกิน 10% หลังจากปีนี้มีซัปพลายเปิดใหม่มากถึง 9 หมื่นยูนิต เชื่อปีหน้าซ้อมใหญ่ AEC เพิ่มกำลังซื้อจากต่างชาติ
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2557 ว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองจบลงในระยะเวลาอันสั้น และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น จะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวเร็วขึ้น และผลักดันให้แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีอัตราการขยายตัวในระดับ 10% เนื่องจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยังมีอยู่มาก แต่เมื่อเกิดปัญหาความไม่สงบทางการเมืองส่งผลกระทบในเชิงจิตวิทยา ทำให้ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอย และชะลอการซื้อในที่สุด แต่เชื่อว่าหากปัญหาดังกล่าวหมดไป ก็ทำให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยกลับมาทันทีในต้นปีหน้า
นอกจากนี้ ปีหน้า 2557 จะเป็นเสมือนปีแห่งการซ้อมใหญ่ของการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 เชื่อว่าต่างชาติจะเริ่มเข้ามาลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น คงไม่รอตลาดเปิดจริงในปี 2558 ทั้งนี้ ต่างชาติที่เข้ามามีทั้งต้องการใช้ไทยเป็นฐานธุรกิจด้านอุตสาหกรรม หรือการเข้ามาลงทุนธุรกิจ ซึ่งนักลงทุน หรือนักธุรกิจเหล่านี้จะมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งเพื่ออยู่เอง และเพื่อลงทุนควบคู่กันไป นอกจากนี้ ยังจะช่วยจะผลักดันให้ธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ โรงแรม อุตสาหกรรมมีการเติบโตมากขึ้น โดยปัจจุบันเริ่มเห็นนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนมากขึ้นแล้ว
“หวังว่าตลาดอสังหาฯ ปีหน้าจะดีขึ้น ถ้าปัญหาการเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดี เพราะความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีอยู่มาก ไม่ใช่กำลังซื้อไม่มี เพียงแต่ว่าบรรยากาศทั้งการเมือง และเศรษฐกิจไม่เอื้อให้เกิดการตัดซื้อได้เร็ว และอีกอย่างช่วงเดือนธันวาคม มีวันหยุดหลายวันการซื้อขายจึงมีน้อย เมื่อหลายปัจจัยผนวกกันจึงทำให้ยอดการเข้าเยี่ยมโครงการในภาพรวมช่วงเดือนธันวาคมลดลงไป แต่ยอดขายโดยรวมก็อยู่ในระดับที่รับได้” นายอธิปกล่าว
ทั้งนี้ หากพิจารณาแนวโน้มตามประเภทของที่อยู่อาศัย คาดว่า ตลาดบ้านจัดสรรในปีหน้าจะมีการเติบโตแบบทรงตัวอยู่ที่ 5% เท่ากับในปีนี้ เนื่องจากราคาต้นค่าก่อสร้าง และราคาที่ดินปรับขึ้นเร็ว หากจะขายในราคาให้เท่าเดิมจำเป็นต้องขยับทำเลการพัฒนาออกไปไกลขึ้น แต่จะขายได้ยาก โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาทบวกลบ ที่ปีนี้ไม่สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว โดยคาดว่าปี 2557 ราคาทาวน์เฮาส์ ขั้นต่ำจะขยับขึ้นไปเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาทบวกลบ ซึ่งทำให้ราคาบ้านจัดสรรในปีหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5%
ส่วนตลาดคอนโดมิเนียม คาดว่าจะเติบโตกว่า 10% ซึ่งถือว่าโตน้อยกว่าปีนี้ จากตัวเลขของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมินว่ามีคอนโดฯ เปิดขายประมาณ 9 หมื่นหน่วย เติบโต 35% แต่เนื่องจากคอนโดฯ จะมีแรงบวกของต้นทุนที่ดินซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองราคาปรับสูงขึ้นมากกว่า ทำให้ราคาคอดโดฯ ปีหน้าอาจปรับขึ้น 10-15%
ขณะที่ตลาดต่างจังหวัด มองว่าคงยังขยายตัวต่อเนื่อง เติบโตไม่น้อยกว่า 15% เนื่องจากฐานตลาดมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจะมีบ้านจัดสรรเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด หลังจากปีนี้ผู้ประกอบการเน้นการทำตลาดคอนโดฯ ซึ่งดีมานด์คอนโดฯ มีจำกัด สามารถทำโครงการคอนโดฯ ได้เฉพาะหัวเมืองใหญ่เท่านั้น เช่น หาดใหญ่ ภูเก็ต ชลบุรี พัทยา หัวหิน เป็นต้น อย่างไรก็ดี โครงการลงทุน 2 ล้านล้านต้องชะลอออกไป ก็อาจจะมีผลทำให้ตลาดแผ่วลงบ้าง โดยเฉพาะเส้นทางที่คาดว่ารถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน แต่ในทางอ้อมทำให้ราคาที่ดินต่างจังหวัดปรับลดลงมาหลังจากปรับขึ้นแรงในช่วง 1-2 ปีผ่านมา
“ปีหน้ายังคงเป็นปีที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการขาดแคลนแรงงานที่ยังคงมีต่อเนื่อง แม้ว่าโครงการ 2 ล้านล้านบาท และโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน จะถูกชะลอออกไป ดังนั้น ปีหน้าผู้ประกอบการที่คิดจะลงทุนใหม่ก็จะต้องมองตลาดไปด้วย ไม่ต้องกลัวว่าหากไม่ลงทุนแล้วตกขบวนรถไฟ เพราะมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การม้วนเสื่อ ดีกว่าทุ่มสุดตัวแล้วเจ๊ง” นายอธิปกล่าว