ครั้งก่อนเราพูดถึงปัจจัยพื้นฐานราคาทองคำโลกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอุปทานที่กำลังจะโตขึ้นแบบก้าวกระโดดในปี 2014 เป็นต้นไปนั้น เป็นตัวกดดันทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นยาก สำหรับวันนี้เรามาดูปัจจัยทางเทคนิคกันดีกว่าครับ
ในรูปภาพที่ 1 เราจะเห็นว่าตั้งแต่หลังสงกรานต์ปีนี้ (จุด A) ราคาทองคำปรับหลุดเส้นแนวนอนบริเวณ $1,550 เหรียญมาเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี แสดงถึงแรงขายชนะแรงซื้อ ทำให้เกิดแรงขายหนีตายจนทำให้ราคาทองคำปรับลงต่อเนื่องจนกระทั่งปลายเดือนมิถุนายน ราคาทองคำโลกลงแตะจุดต่ำสุดที่ $1,180 แต่ก็ยังกลับมาสามารถปิดเหนือ $1,200 เหรียญได้ จึงมีการเด้งขึ้นสั้น หลังจากการปรับขึ้นไปไม่นานา แรงขายชุดใหม่ก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง โดยราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway Down ชัดเจนตามรูปภาพที่ 1 ณ จุด B
สำหรับทางเทคนิค ราคาปรับมาใกล้แนวรับบริเวณ $1,200 อีกระลอก ซึ่งบริเวณดังกล่าวก็จะมีแรงซื้อเก็งกำไรของนักเทคนิคมาพยุงไว้ ซึ่งหากยังสามารถปิดเหนือราคา $1,200 ได้ แนวโน้มการดีดกลับขึ้นไปบริเวณ $1,290-1,305 เหรียญก็ยังมีสูง แต่หากปิดหลุดต่ำกว่า $1,200 เมื่อไหร่ ต้องบอกว่าตัวใครตัวมัน
ในกรณีหลุด $1,200 เหรียญภายในวัน ราคาอาจร่วงลงไปใกล้จุดต่ำสุดเดิมคือ $1,180 แต่ก็จะมีแรงซื้อเก็งกำไรบวกกับแรงซื้อ Cover Short กลับมา ซึ่งถ้าหากแรงซื้อดังกล่าวไม่สามารถทำให้ราคาปิดเหนือ $1,200 ได้จริงๆ ก็จะเจอแรงขาย Short รอบใหม่ แล้วเป้าหมายถัดไปก็จะอยู่ราวๆ $1,100-1,150 เหรียญเป็นอย่างน้อย
หากสถานการณ์จริงมันหลุดต่ำกว่า $1,200 เหรียญ คนที่มีทองคำในมือ ก็ควรจะใช้กลยุทธ์ Short Against Port ด้วยการขายทองคำออกมาก่อนแล้วค่อยรอซื้อกลับในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ขายไป หรืออาจจะใช้ Gold Futures เพื่อขายป้องกันความเสี่ยงในช่วงขาลงก็ยังได้ (ยกเว้นว่าจุดประสงค์การซื้อทองคำของคุณคือลงทุนระยะยาวแบบ 5 ปีขึ้นไป)
ในกรณีไม่มีทองคำในมือ ก็อาจหากำไรจากตลาดขาลงได้เช่นกันด้วยการ Short Gold Futures ในกรณีราคาทองคำโลกปิดต่ำกว่า $1,200 เหรียญ
แล้วราคาทองคำโลกจะต่ำสุดเท่าไหร่
คำตอบคือ ไม่มีใครรู้ นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเองถึงจะมีเครื่องไม้เครื่องมือ ทฤษฎีต่างๆในการวัดเป้าหมายการขึ้นลงของราคาก็ตาม แต่จริงๆแล้วไม่มีใครรู้อนาคต เพราะฉะนั้นปัญหาที่อาจจะเกิดกับคนขาย Short ไว้ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้กำไรก็คือ พอราคาลงไปแล้ว ไม่รู้จะปิดสถานะตรงไหนดี บางทีก็กลัวว่าปิดไปแล้วมันลงต่อก็เสียดายกำไร บางทีลงไปแล้วไม่ได้ปิดราคามันก็ดีดขึ้นจนทำให้จากเคยกำไรกลับมาเป็นขาดทุน
วิธีแก้ไขง่ายๆที่นักลงทุนควรนำไปใช้คือ การอย่าปล่อยให้กำไรกลับมาเป็นขาดทุน โดยมีการเลื่อนจุดปิดสถานะตามราคาไปเรื่อยๆ ซึ่งวิธีหนึ่งที่อยากแนะนำให้นักลงทุนเอาไปใช้คือ ในกรณีที่คุณขายไว้ คุณควรจะซื้อเมื่อ ราคาทองคำมันสูงกว่า ราคาต้นทุนที่ขายไปบวกกับราคาต่ำสุดของทองคำแล้วหารสอง เช่นขายไปที่ราคา 19,000 บาท แล้วราคาปรับลงไปเรื่อยๆจนไปทำจุดต่ำสุดหลังจากขายไปที่ 18,500 บาท เราไม่รู้หรอกว่าราคาจะหลุดต่ำกว่า 18,500 บาทอีกหรือไม่ ในกรณีที่ราคาเกิดดีดขึ้นมาเกิน 18,750 บาท ((19,000+18,500)/2) เราก็ทำการซื้อปิดสถานะที่ขายไปทันทีก่อน เพื่อเก็บกำไรไว้ในมือดีกว่าจะปล่อยให้ราคาดีดขึ้นมาเกิน 19,000 บาทแล้วจะทำให้เราตัดสินใจซื้อปิดสถานะยากขึ้นเวลากลับมาขาดทุน
การเก็งกำไร ไม่จำเป็นจะต้องซื้อให้ได้ราคาต่ำที่สุด หรือขายให้ได้ที่ราคาสูงที่สุด เราควรจะเก็บกำไรไว้ให้ได้ทุกครั้งเพื่อสะสมความมั่งคั่ง เช่นเดียวกับการตัดขาดทุนให้เร็วเมื่อผิดทาง เพื่อเป็นการรักษาเงินต้นของเราให้อยู่กับเรานานๆ แล้วเมื่อมีโอกาสที่ดีในการลงทุนครั้งต่อๆไป เราจะได้มีเงินลงทุนในรอบที่โอกาสดีมาถึง
สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก