หุ้นปิดลบ 7 จุด โบรกฯ เผยดัชนีแกว่งผันผวนในลักษณะทรงตัว ก่อนเจอแรงเทขายช่วงท้ายตลาดทุบดัชนีทรุด นักลงทุนรอดูสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ วันที่ 6 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีความชัดเจนขึ้น และยังมีการประกาศตัวเลข ศก.สหรัฐฯ ด้วย พร้อมแนะจับตา “พิมพ์เขียว” สภาประชาชน
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (4 ธ.ค.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,376.63 จุด ลดลง 7.26 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.52% มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 27,334.15 ล้านบาท โดยภาพรวมตลาดในวันนี้ ดัชนีแกว่งผันผวนในลักษณะทรงตัว และมีแรงเทขายหนักในชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาดฯ
ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 2.8 พันล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 118 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 2.1 พันล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 624 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า ตลาดหุ้นวันนี้แกว่งทรงตัวเนื่องจากนักลงทุนรอดูสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ วันที่ 6 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีความชัดเจนขึ้น และปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งต้องรอดูการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในคืนวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.นี้เช่นกัน เพราะเรื่องการผ่อนคลายมาตรการเชิงปริมาณ (คิวอี) กลับมาเป็นปัจจัยที่นักลงทุนกังวลอีกครั้งหนึ่ง
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ภาพรวมยังแกว่งตัวในกรอบแคบ ลักษณะรอให้ผ่านพ้นช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.ไปก่อนว่าปัจจัยในเชิงการเมืองจะมีความชัดเจนมากขึ้นอย่างไร
ทั้งนี้ ตนเองมองว่า หลังวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ทิศทางการเมืองน่าจะชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) โดยน่าจะเห็นพัฒนาการในเชิงการเจรจา และต้องจับตาว่า นายกรัฐมนตรี จะออกมาตอบรับข้อเสนอสภาประชาชนอย่างไร หลังจากจะขอพิมพ์เขียวไปหารือนักวิชาการ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การยุบสภา หรือลาออก
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายอยู่ เพราะจังหวะนี้ตัวเลือกในการลงทุนไม่ได้มีแค่ประเทศไทย ในฝั่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ดีขึ้น และฝั่งยุโรปก็ผ่านจุดเลวร้ายมาแล้ว ดังนั้น สถานการณ์ที่มีความเสี่ยงทางการเมืองไทย ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะหมุนเงินไปฝั่งอื่นก่อน สำหรับแนวโน้มวันศุกร์ (6 ธ.ค.) ภาพรวมการเคลื่อนไหวของตลาดคล้ายวันนี้ แต่อาจมีความชัดเจนมากขึ้น มองกรอบใหญ่ที่ 1,375-1,390 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,489.89 ล้านบาท ปิดที่ 9.05 บาท ลดลง 0.15 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,453.64 ล้านบาท ปิดที่ 41.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,311.81 ล้านบาท ปิดที่ 223.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,260.94 ล้านบาท ปิดที่ 7.90 บาท ลดลง 0.15 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,088.16 ล้านบาท ปิดที่ 156.00 บาท ลดลง 2.50 บาท