xs
xsm
sm
md
lg

“เวิลด์แบงก์” แจงปม ศก.ไทยฟื้นตัวช้า พร้อมหั่น “จีดีพี” เหลือ 4% แนะจับตาสหรัฐฯ ผิดชำระหนี้ครั้งแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ธนาคารโลก ปรับลด “จีดีพี” ของไทยปีนี้เหลือเพียงแค่ 4% หลังพบ ศก.ไทยฟื้นตัวช้า ยอมรับปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นตัวถ่วงสำคัญ พร้อมแนะจับตาสหรัฐฯ ผิดชำระหนี้ครั้งแรหหรือไม่ 17 ต.ค.นี้ และกังวล ศก.สหรัฐฯ อาจเกิดการหยุดชะงัก ประเมิน “จีดีพีสหรัฐฯ” ลดลง 1% กระทบต่อจีดีพีเอเชียตะวันออก ลดลง 0.5%

น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร เศรษฐกรอาวุโสธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่าธนาคารโลกปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลือร้อยละ 4 จากเดิมคาดการณ์จะขยายตัวได้ร้อยละ 5 จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า และการชะลอของเศรษฐกิจจีน ที่ส่งผลให้การส่งออกในครึ่งปีแรกของปีขยายตัวเพียงร้อยละ 1.2 และคาดทั้งปีจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.5 แต่ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีการส่งออกจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4-5 ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 6 เนื่องจากการบริโภคในประเทศชะลอตัวจะขยายตัวเพียงร้อยละ 2.5 เนื่องจากหมดมาตรการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในปี 2557 มีแนวโน้มดีขึ้น โดยคาดว่าจะโตร้อยละ 4.5 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้น และการลงทุนภาครัฐจะเริ่มมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น แต่ยังคงต้องระมัดระวังการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 ที่อาจล่าช้า และมีผลต่อการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทให้ล่าช้า รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่จะเพิ่มสูงขึ้น ที่จะทำให้การบริโภคภาคเอกชนไม่ขยายตัวตามคาด อาจทำให้เศรษฐกิจโตไม่ถึงเป้าหมายได้

ส่วนปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ธนาคารโลกประเมินว่า หากสหรัฐฯ เกิดการชะงักงันในการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะมีผลกระทบทำให้จีดีพีของสหรัฐฯ ลดลงประมาณร้อยละ 2 ซึ่งก็จะกระทบเศรษฐกิจโลก และเอเชียตะวันออก โดยธนาคารประเมินว่า หากจีดีพีสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 1 จะกระทบให้จีดีพีของเอเชียตะวันออกลดลงรัอยละ 0.5 ซึ่งขณะนี้ธนาคารโลกยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ว่า หากในวันที่ 17 ตุลาคม 2556 นี้ สหรัฐฯ ไม่สามารถขยายเพดานหนี้ และต้องผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรก

แต่ในเบื้องตันเชื่อว่าสหรัฐฯ จะขยายเพดานหนี้ได้ก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 17 ตุลาคม เพื่อไม่ให้มีผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกตามไปด้วย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดของการลงทุนในปัจจุบันแล้ว

สำหรับสถานการณ์การไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างประเทศ คาดว่าสหรัฐฯ ลดมาตรการ QE ลงจะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะส่งผลลบต่อผู้ลงทุนในตลาดพันธบัตร ตลาดหุ้น ที่จะมีความมั่งคั่งลดลง แต่จะส่งผลดีทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของไทยอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าเศรษฐกิจอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่ง สถาบันการเงินยังมั่นคงสามารถรับมือกับเงินทุนที่เคลื่อนย้ายได้

นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังระบุถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยคาดว่ารัฐบาลจะขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวปีละ 2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2 ของจีดีพี ซึ่งหากรวมการดำเนินโครงการ 2 ปี รัฐบาลจะขาดทุนถึง 4 แสนล้านบาท แต่ยังถือว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน.ได้เตรียมเงินดังกล่าวไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องดูแลให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่ออันดับเครดิตของประเทศ เพราะในระยะยาวโครงการรับจำนำข้าวจะเบียดเบียนงบประมาณการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศในส่วนอื่นลง ทำให้แข่งขันได้ยาก
กำลังโหลดความคิดเห็น