เตือนอย่าตื่นตระหนกค่าบาทแข็งเร็ว ธปท. มองภาวะตลาดเงินกลับทิศ ฟันด์โฟลว์ทะลักสินทรัพย์เสี่ยงรอบใหม่

ผู้ว่าการ ธปท. เตือนอย่าตื่นตระหนกค่าบาทแข็งเร็ว ชี้ค่าเงินมีการแข็งค่าขึ้นทั้งภูมิภาค ยันพร้อมเข้าดูแลหากมีผลกระทบต่อ ศก. พร้อมประเมิน “เฟด” คงมาตรการ “คิวอี 3” ไม่ได้หมายถึง ศก.สหรัฐฯ ยังไม่ฟื้น และเงื่อนไขการคงมาตรการฯ แตกต่างจาก “คิวอี 1-2” ที่ผ่านมา พร้อมยอมรับ ผลกระทบ “คิวอี 3” อาจทำให้เกิดภาวะตลาดการเงินปรับตัวกลับทิศ นักลงทุนหันกลับไปลุยสินทรัพย์เสี่ยง คาดประชุม กนง. รอบหน้านำประเด็น “คิวอี” เข้าหารือด้วย “กิตติรัตน์” มั่นใจเครื่องมือทางการเงินเอาอยู่

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นรวดเร็วถึง 31.05 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในเช้าวันนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับเงินสกุลภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้นทั้งหมด หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศคงขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ซึ่งเป็นภาวะที่ตลาดการเงินปรับตัวกลับทิศ หรือ COLLECTION นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นแตกต่างจาก 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยง เพราะกังวลว่า เฟดจะลดขนาดมาตรการ QE โดยเชื่อว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นเพียงระยะเวลาหนึ่ง และน่าจะกลับมาสู่เสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งหากค่าเงินบาทแข็งค่าจนกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ธปท. ก็พร้อมที่จะเข้าไปดูแล โดยจะให้กลไกตลาดได้ทำงานก่อนที่จะเข้าไปประคับประคอง

ดังนั้น ธปท.จึงขอให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม การที่เฟดคงมาตรการ QE 3 ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นตัว แต่เงื่อนไขการดำเนินนโยบาย QE 3 แตกต่างจาก QE 1 และ QE 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวกำหนด แต่นโยบาย QE 3 จะดูตามตัวเลขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอัตราการว่างงานว่าดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งการที่เฟดคง QE 3 เพราะยังไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้มแข็งเพียงพอที่จะเติบโตต่อไป จึงต้องประคองไว้ก่อนเพื่อความรอบคอบ และรอการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนธันวาคม 2556 ต่อไป

นายประสาร กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. จะประชุมในวันที่ 16 ตุลาคม 2556 นี้ เพื่อพิจารณาภาวะเศรษฐกิจไทยล่าสุด และอาจจะมีการปรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจใหม่ และจะประกาศจีดีพีใหม่ในวันที่ 25 ตุลาคม 2556 นี้ โดยนำการที่เฟดคงมาตรการ QE เข้ามาพิจารณาด้วย

ทั้งนี้ มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปีนี้ จะกลับมาขยายตัวได้ดีกว่า 3 ไตรมาสที่ผ่านมา แต่หากเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2555 คงมีความแตกต่างกัน เนื่องจากปีก่อนมีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลจากภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ ทำให้จีดีพีไตรมาส 4/2555 มีการขยายตัวที่สูงมาก ส่วนตัวเลขการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดก็ไม่น่ากังวล เพราะเป็นการขาดดุลเพียงเล็กน้อย ไม่มีผลกระทบต่อเสถียรภาพของประเทศ

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่เฟดยังคงมาตรการคิวอีเพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบนั้น ตนเองเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยมากนัก เพราะในช่วงที่ผ่านมา การใช้มาตรการคิวอีของทางสหรัฐฯ ขณะนั้นประเทศไทยยังไม่มีเครื่องมือในการที่จะรองรับทำให้เงินทุนไหลเข้าเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้มีความผันผวนจนเป็นที่น่ากังวล

“เชื่อว่าครั้งนี้หลังจากที่ประเทศไทยมีเครื่องมือในการรองรับ และมาตรการต่างๆ ก็จะไม่มีผลต่อเงินทุนที่ไหลเข้า และไหลออกเป็นจำนวนมาก ขณะที่การรักษาเสถียรภาพของค่าเงินนั้น คงต้องฝากให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้เข้ามาดูแล เพื่อไม่ให้มีความผันผวน และมีผลกระทบต่อภาคการส่งออก และนำเข้า รวมไปถึงการดูแลอัตราดอกเบี้ยให้เป็นไปตามความเหมาะสมด้วย”