“นักวิเคราะห์” เชื่อการเมืองยังกดดันตลาดหุ้น กังวลแรงขายต่างชาติ เผยยอดเดือน พ.ย. ต่างชาติขายไปแล้ว 4.6 หมื่นล้าน หากนับตั้งแต่ต้นปี ยอดขายสุทธิสูงถึง 1.5 แสนล้าน ส่วนผลการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ยิ่งลักษณ์” ไม่เป็นที่น่าแปลกใจนัก เพราะฝ่ายรัฐเป็นเสียงข้างมาก “นักวิชาการ” ชี้รัฐกำลังมีปัญหาด้านประสิทธิภาพในการบริหารงาน โดยเฉพาะปัญหาด้านความโปร่งใส และการไม่ยอมรับมติของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงการใช้จ่ายเงินในโครงการประชานิยม แนะนายกฯ เร่งไขก๊อกในช่วงที่ยังมีโอกาส ย้ำรัฐหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศไปแล้ว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังถูกกดดันจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยังไม่คลี่คลาย พร้อมประเมินว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง สำหรับภาพรวมในวันนี้ (29 พ.ย.) คาดว่า หากการเมืองไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ดัชนีจะอยู่ในกรอบแนวรับที่ 1,340 จุด และแนวต้านที่ 1,380 จุดได้ บนค่า พี/อี ที่ 14.5-15.0 เท่า
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทย นับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. นักลงทุนต่างชาติขายสะสมไปแล้ว 4.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติขายสะสมไปแล้ว 1.5 แสนล้านบาท โดยผู้ซื้อสะสมสูงสุด ได้แก่ กลุ่มสถาบัน 9 หมื่นล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป 6 หมื่นล้านบาท
นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ ยอมรับว่าตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากการเมืองภายในประเทศ นักลงทุนกังวลว่าแนวโน้มอาจจะมีความรุนแรงขึ้น ส่วนผลการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนตัวมองว่าไม่เป็นที่น่าแปลกใจนัก เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลเป็นเสียงข้างมาก แต่ถ้าถามว่าพอใจต่อคะแนนเสียงที่ออกมาหรือไม่ ก็บอกได้เลยว่าไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก
นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระ ด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังมีปัญหาด้านประสิทธิภาพในการบริหารงาน โดยเฉพาะปัญหาด้านความโปร่งใส และการไม่ยอมรับมติของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงการใช้จ่ายเงินในโครงการประชานิยมต่างๆ ทำให้ประชาชนทั่วไปจับตาการดำเนินงาน และเห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่ควรได้รับความไว้วางใจจากการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยซ้ำ โดยผลที่ออกมาจึงถือเป็นเรื่องธรรมดา และปกติมาก เนื่องจากรัฐบาลถือเสียงข้างมากอยู่
นอกจากนี้ เห็นว่ารัฐบาลควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือยุบสภา เพื่อลดอุณหภูมิการเมืองที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ภาคเศรษฐกิจ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าปัจจุบัน
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.สหพัฒนพิบูล กล่าวว่า การลงคะแนนไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา คะแนนเสียงที่ออกมานับว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ว่าจะอภิปรายกี่ครั้งรัฐบาลชุดนี้ก็ชนะการโหวตทุกครั้ง จึงไม่มีข้อสงสัยในคะแนนเสียงที่ปรากฏ เพราะรัฐบาลมีเสียงข้างมาก ซึ่งหลังจากนี้อาจมีการยุบสภาเกิดขึ้น
“ถ้าเป็นผมที่มองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ก็จะยุบสภา หรือไม่ก็คงลาออก จะไม่ดันทุรังทำงานต่อไป เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดี โดยหากมีการยุบสภาแล้วมีการเลือกตั้งใหม่ ถ้าประชาชนยังไว้วางใจรัฐบาลอยู่ ก็จะสามารถกลับเข้ามาได้เอง”
ทั้งนี้ ถ้าหากรัฐบาลไม่ยุบสภา หรือลาออกในตอนนี้ก็จะต้องมีกระแสต่างๆ ออกมากดดันรัฐบาลกันต่อไป โดยช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลบริหารผิดพลาดหลายอย่าง ซึ่งควรจะเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาทำงานมากกว่าที่จะฝืนทำงานแล้วคนไม่ยอมรับ