“คอลลิเออร์สฯ” ระบุทุนเอเชีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ สนลงทุนอสังหาฯ ไทยเพียบ เผยเจรจาลงทุนกว่า 10 ราย คาดจบดีลเกินครึ่ง
น.ส.ณภัทร เธียรชุติมา รองผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาและการลงทุนพัฒนาโครงการ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนขั่นแนล ประเทศไทย จำกัด (บริษัทที่ปรึกษาธุุรกิจอสังหาริมทรัพย์) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา มีกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติจากประเทศในเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลี เข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีนักลงทุนกว่า 10 ราย ติดต่อให้คอลลิเออร์สเป็นที่ปรึกษา และวางแผนลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 3 เท่า โดยมีมูลค่าเฉลี่ยความสนใจในการลงทุนต่อโครงการประมาณ 300-3,000 ล้านบาท คาดจะเจรจาจบและลงทุนเกินครึ่ง
ทั้งนี้ นอกจากที่นักลงทุนจะสนใจลงทุนในไทยแล้ว ยังให้ความสนใจลงทุนที่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย เช่น พม่า เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เป็นต้น
สำหรับปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติอาจกังวลบ้าง แต่ยังคงเดินหน้าศึกษาตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนมองว่าตราบใดที่ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นนองเลือดก็ไม่น่ากลัว เพราะความไม่สงบทางการเมืองเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เฉพาะไทย ยิ่งกลุ่มประเทศยุโรป อาจมีเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่าไทย
น.ส.ณภัทร กล่าวต่อว่า นักลงทุนต่างชาติยังมองการลงทุนระยะยาวเป็นหลัก และมองว่าไทยเป็นศูนย์กลางที่ดีในการไปลงทุนต่อแถบประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยนักลงทุนชาวญี่ปุ่น ฮ่องกง และจีน เข้ามาลงทุนมากสุดในช่วงนี้ ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ กลุ่มอุตสาหกรรม รองลงมาคือ ที่อยู่อาศัย เน้นคอนโดมิเนียม และตามด้วยธุรกิจค้าปลีก และโรงแรม โดยในส่วนของโรงแรม จะมีทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ ลักษณะซิตี โฮเต็ล และรีสอร์ตตามเมืองท่องเที่ยว เช่น สมุย ภูเก็ต ห้วหิน
จากตัวเลขการลงทุนของต่างชาติผ่านบีโอไอ พบว่า ในครึ่งปีแรกของปีนี้ สูงถึง 5 แสนล้านบาท คาดว่าสิ้นปีจะแตะ 1 ล้านล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ยังไม่นับรวมการลงทุนตรงที่ไม่ผ่่านบีโอไอที่มีจำนวนมหาศาลเช่นกัน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัย จะนิยมลงทุนตรง ซึ่งนับจากนี้ต้องจับตามองบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง จะได้รับการติดต่อขอร่วมทุนมากที่สุด เพราะรายใหญ่มีความแข็งแกร่งในทุกด้านอยู่แล้ว เช่น กรณีล่าสุด กลุ่มมิตซุย จากญี่ปุ่น ที่เข้ามาร่วมทุนกับกลุ่มอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ พัฒนาคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้า
“สิ่งที่ต่างชาติให้ความกังวลในการเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย อยู่ที่การครอบครองทรัพย์สินไม่ได้มากกว่า หรือหากเป็นสัญญาเช่า กฎหมายไทยให้อยู่ที่ 30 ปี นักลงทุนต่างชาติ ส่วนใหญ่มองว่าน้อยไป ไม่คุ้มต่อการลงทุน หากขยายเวลาการเช่าออกไปได้จะได้รับความสนใจมากขึ้น” น.ส.นภัทร กล่าว