ทรงตัวได้ก็เก่งแล้ว
ตลาดหุ้นท้ายสัปดาห์ก็ยังประคับประคองตัวได้ แม้สถานการณ์การเมืองช่วงวันหยุดจะร้อนแรง และต้องรอประเมินสถานการณ์ตาม แต่เนื่องจากมาตรการคิวอีมีความชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะใช้ต่อ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกกระเตื้องขึ้น ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย และถือเป็นขาวดีที่เข้ามาต้านข่าวร้ายในประเทศ
ดัชนีวันศุกร์ปิดที่ 1,420.66 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 27,184 ล้านบาท ต่างชาติขาย 1,704 ล้านบาท
ต่างชาติยังคงขายหุ้นต่อเนื่อง แสดงว่ายังมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยไม่ดีนัก และทยอยลดน้ำหนักการลงทุน เพียงแต่แรงซื้อจากในประเทศเข้าไปรับทำให้ดัชนีไม่ผันผวนมากนัก แต่โอกาสที่จะดีดตัวแรงก็มองไมเห็น แม้จะมีข่าวดีเรื่องคิวอีก็ตาม แต่ปัญหาการเมืองภายในประเทศคงจะไม่จบง่าย และจะเป็นแรงกดดันตลาดหุ้นยืดเยื้อ
ตราบใดที่การเมืองยังไมได้ข้อยุติ หุ้นคงจะไม่มีทิศทางที่แน่ชัด และการที่สามารถประคองตัวยืนเหนือ 1,400 จุดได้นับว่าดีแล้ว เพราะการเมืองน่าหวั่นไหวจริงๆ และยังอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจด้วย จึงต้องระวังให้ดี เพราะพื้นฐานตลาดหุ้นไทยอาจเปลี่ยน ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนก่อนแล้ว ซึ่งจะกระทบต่อฐานราคาหุ้นทั้งหมด
ดังนั้น ในช่วงสั้นยังต้องเน้นการลบดน้ำหนักการถือหุ้นต่อไป เพราะโอกาสได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ายังมองไม่เห็น อย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้
ตลาดหุ้นท้ายสัปดาห์ก็ยังประคับประคองตัวได้ แม้สถานการณ์การเมืองช่วงวันหยุดจะร้อนแรง และต้องรอประเมินสถานการณ์ตาม แต่เนื่องจากมาตรการคิวอีมีความชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะใช้ต่อ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกกระเตื้องขึ้น ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย และถือเป็นขาวดีที่เข้ามาต้านข่าวร้ายในประเทศ
ดัชนีวันศุกร์ปิดที่ 1,420.66 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 27,184 ล้านบาท ต่างชาติขาย 1,704 ล้านบาท
ต่างชาติยังคงขายหุ้นต่อเนื่อง แสดงว่ายังมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยไม่ดีนัก และทยอยลดน้ำหนักการลงทุน เพียงแต่แรงซื้อจากในประเทศเข้าไปรับทำให้ดัชนีไม่ผันผวนมากนัก แต่โอกาสที่จะดีดตัวแรงก็มองไมเห็น แม้จะมีข่าวดีเรื่องคิวอีก็ตาม แต่ปัญหาการเมืองภายในประเทศคงจะไม่จบง่าย และจะเป็นแรงกดดันตลาดหุ้นยืดเยื้อ
ตราบใดที่การเมืองยังไมได้ข้อยุติ หุ้นคงจะไม่มีทิศทางที่แน่ชัด และการที่สามารถประคองตัวยืนเหนือ 1,400 จุดได้นับว่าดีแล้ว เพราะการเมืองน่าหวั่นไหวจริงๆ และยังอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจด้วย จึงต้องระวังให้ดี เพราะพื้นฐานตลาดหุ้นไทยอาจเปลี่ยน ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนก่อนแล้ว ซึ่งจะกระทบต่อฐานราคาหุ้นทั้งหมด
ดังนั้น ในช่วงสั้นยังต้องเน้นการลบดน้ำหนักการถือหุ้นต่อไป เพราะโอกาสได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ายังมองไม่เห็น อย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้