“แบงก์กรุงเทพ” พร้อมรับเออีซี เผยนโยบายสาขาต่างประเทศเน้นเชื่อมโยง บริการครบวงจร ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าอาเซียนเป็น 50% จาก 30% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนสาขาสิงคโปร์ยังเติบโตได้ดี
นายเจริญลาภ ธรรมาณิชานนท์ ผู้จัดการการทั่วไป ธนาคารกรุงเทพ สาขาสิงคโปร์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของสาขาธนาคารกรุงเทพ ในสิงคโปร์ มีการเติบโตของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก เนื่องจากเป็นประเทศที่ยังมีการเจริญเติบโตในอัตราที่ดี ส่วนด้านเงินฝากที่แม้จะมีอัตราการเติบโตต่ำกว่าสินเชื่อ แต่ก็ยังมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจของสาขานั้นไม่ได้มุ่งในการปล่อยกู้เพียงอย่างเดียว แต่จะเน้นทางด้านธุรกรรมทางการเงินด้วย ทั้งในส่วนของเทรดไฟแนนซ์ และด้านการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมา ยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากจะมีส่วนของลูกค้าที่มีความมั่งคั่งมากขึ้น จึงเพิ่มการลงทุนตามไปด้วย รวมถึงการลงทุนข้ามชาติที่มีมากขึ้นด้วย แต่ในส่วนของลูกค้ารายย่อยนั้นธนาคารไม่ได้มุ่งเน้นมากนัก โดยส่วนใหญ่จะเป็นธนาคารท้องถิ่นที่ทำธุรกิจดังกล่าว
“สาขาที่สิงคโปร์เป็นสาขาแห่งที่ 3 ของธนาคารกรุงเทพ เป็นสาขาเต็มรูปแบบที่สามารถทำธุรกรรมได้ครบทั้งปล่อยกู้ และรับฝาก รวมถึงธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ แม้อัตราการเติบโต หรือยอดปล่อยกู้จะยังสู้ Local Bank ไม่ได้ แต่การที่เป็นสาขาที่เปิดดำเนินการมานานทำให้มีความเชี่ยวชาญ และคุ้นเคยกับลูกค้าเป็นอย่างดี จึงทำให้มีอัตราการเติบโตในระดับที่ดีต่อเนื่อง”
สำหรับแนวโน้มในอนาคตนั้น เชื่อว่าการแข่งขันของธนาคารในสิงคโปร์จะยังคงสูง จากแนวโน้มความต้องการลงทุนทั้งขาเข้า และออกยังมีอยู่ต่อเนื่อง แต่ก็เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ต่างชาติที่จะเข้ามาเปิดสาขา หรือสำนักงานตัวแทนใหม่ก็คงไม่ง่ายนัก เนื่องจากทางการสิงคโปร์ความเข้มงวดและระมัดระวังมากขึ้น
นายเจริญลาภ กล่าวว่า นโยบายด้านสาขาต่างประเทศของธนาคารที่เราได้รับมอบหมายมาซึ่งจะเป็นกลยุทธในการรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ด้วยนั้น จะใช้จุดแข็งของธนาคารที่มีเครือข่าายสาขาครอบคลุมในภูมิภาคนี้ และอีกหลายๆ ประเทศถึง 26 สาขา และ 1 สำนักงานตัวแทน โดยให้สาขาแต่ละแห่งเป็นเสมือนฐานในการสนับสนุนการทำธุรกิจของลูกค้า ทั้งในประเทศ และออกไปลงทุนในต่างประเทศที่จะสามารถเชื่อมโยงกับสาขาของธนาคารในประเทศต่างๆ ได้อย่างครบวงจร พร้อมกันนั้น ได้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าแถบภูมิภาคอาเซียนเป็น 50% ในปีอีก 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 30%
“เราวางนโยบายให้สาขาต่างประเทศแต่ละแห่งเป็นเสมือนบีโอไอที่จะช่วยให้คำแนะนำให้แก่ลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจ พร้อมช่วยเหลือประสานในด้านต่างๆ รวมถึงด้านธุรกรรมทางการเงินให้ด้วย โดยจะประสานกับสาขาของธนาคารในประเทศที่ลูกค้าต้องการไปลงทุนให้รับช่วงต่อไปได้ เนื่องจากสาขาธนาคารแต่ละแห่งจะมีความเชี่ยวชาญ และคุ้นเคยกับประเทศที่ทำธุรกิจอยู่เป็นอย่างดี”