xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นนักลงทุนเผ่นหนีการเมืองแรง หลังตำรวจตั้งบังเกอร์ และจุดยิงแก๊สน้ำตารอบทำเนียบ แถมปล่อยข่าวมือที่ 3 วางระเบิดป่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"เอเซีย พลัส" คาดตลาดหุ้นไทย 11 พ.ย. หุ้นไทยผันผวนหนัก สถานการณ์การเมืองน่ากังวลขึ้น แนะชะลอลงทุน ห่วงภาพหลอนความรุนแรง หลังตำรวจตั้งบังเกอร์ และจุดยิงแก๊สน้ำตารอบทำเนียบ และการปล่อยข่าวมือที่ 3 วางระเบิดป่วน หวั่นภาพ และข่าวที่ออกมาทำต่างชาติตื่นตระหนกหนีลงทุนประเทศอื่น

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันที่ 11 พ.ย. ระหว่างวันดัชนีจะเคลื่อนไหวผันผวนอย่างหนักในกรอบระหว่างแนวรับที่ 1,390-1,415 จุด เนื่องจากโดนปัจจัยกดดันจาการชุมนุมทางการเมืองซึ่งสถานการณ์เริ่มมีความน่ากังวลมากขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตั้งบังเกอร์ และจุดยิงแก๊สนำตามที่บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลซึ่งกังวลว่าจะนำไปสู่เหตุรุนแรง

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการเคลื่อนของกลุ่มผู้ชุมนุมหลายกลุ่มที่จะออกมาตามท้องถนนในวันนี้ รวมถึงผลคำตัดสินของศาลโลกกรณีเขาพระวิหาร และโดยเฉพาะการเคลื่อนของกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงกลางคืนว่าจะมีการยกระดับความรุนแรงหรือไม่ อีกทั้งต้องติดตามกรณีข่าวลือว่าจะมีการก่อเหตุความรุนแรงจากมือที่ 3 ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุน จึงขอแนะนำชะลอการลงทุน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

“ดัชนีระหว่างวันคงผันผวนหนักจากปัจจัยกดดันการเมืองที่สถานการณ์เริ่มร้อนขึ้นหลายประเด็น และยังมีข่าวลือว่าจะมีการวางระเบิดจากมือที่ 3 แม้ตลาดหุ้นเอเชียจะบวกได้ แต่ช่วงท้ายตลาดอาจมีแรงเก็งกำไรหนุนดัชนีปิดบวกได้ แต่ต้องติดตามช่วงกลางคืนที่จะเป็นช่วงพีก หลังคำตัดสินศาลโลกออกมาว่าการชุมนุมจะเป็นอย่างไรต่อ” นายประกิตกล่าว

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า บรรยากาศการชุมทางการเมืองของหลายกลุ่มที่ออกมาในขณะนี้ประเมินว่ายังเป็นจัยลบกดดันบรรกาศการลงทุนในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยได้ปรับลดลงไปก่อนนี้ค่อนแรงจากผลกระทบจากความกังวลทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ปัจจัยปัญหาทางการเมืองยังคงต้องติดตามต่อว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ซึ่งยังสามารถคาดเดาสถานการณ์ได้ยาก รวมทั้งในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ซึ่งจะมีการเคลื่อนของผู้ชุมหลายกลุ่ม และคำตัดสินของศาลโลกกรณีเขาพระวิหาร

นอกจากนี้ มองว่าหากสถานการณ์ชุมนุมมีความยืดเยื้อจะมีผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวซึ่งขณะนี้ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมากจากผลกระทบจากความรุนแรงในประเทศไทย

“ตอนนี้ปัญหาการเมืองเหมือนคนป่วย เดาอาการยากว่าจะป็นไง เสียดายโอกาสของประเทศที่กำลังกู้ชื่อเสียงกลับมาจากปี 53 แต่กลับเจอปัญหาการชุมนุมอีก ถ้าเกิดแบบนี้บ่อยเสี่ยงต่างชาติจะหนีออกไปลงทุนประเทศอื่นทีน่าสนใจกว่า ไม่ใช่แค่ตลาดหุ้น เพราะเขาห่วงมองไกลว่าจะกระทบโครงการ 2 ล้านล้านบาทหรือไม่ รวมถึงการลงทุนภาคอื่นๆ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเราแนะนำให้ลูกค้าไปลงทุนต่างประเทศแล้วเพราะหุ้นเริ่มแพงแล้ว ขณะที่กำไรปีนี้ และปีหน้าของบริษัทจดทะเบียนเราได้ปรับประมาณการลงปีนี้เหลือโต 15% จากเดิมโตกว่า 20% ปีหน้าเหลือโต 12% จากเดิมโต 15% จากผลกระทบที่เศรษฐกิจชะลอตัว” นายก้องเกียรติกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น