หุ้นไทยปิดบวก 17.25 จุด อยู่ที่ระดับ 1,451.91 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 48,364.54 ล้านบาท โบรกฯ คาดปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่เริ่มได้ข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้น ส่งผลบรรยาการการลงทุนกลับมาฟื้นตัว
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,451.91 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.25 จุด หรือ +1.20 % มูลค่าการซื้อขาย 48,364.54 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,456.11 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,436.57 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์ปรับตัวดีดขึ้นรับข่าวดีจากแนวโน้มความตึงเครียดเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่ทองคำยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่อง
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น จำนวน 536 หลักทรัพย์ ลดลง 204 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 175 หลักทรัพย์
การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,594.99 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,057.38 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 222.13 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,874.50 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
TRUE ปิดที่ 9.30 บาท เพิ่มขึ้น +0.45 บาท หรือ +5.08% มูลค่าการซื้อขาย 3,400,872 ล้านบาท
KTB ปิดที่ 20.50 บาท เพิ่มขึ้น +0.80 บาท หรือ +4.06 มูลค่าการซื้อขาย 2,431,282 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 185.00 บาท เพิ่มขึ้น +6.50 บาท หรือ +3.64% มูลค่าการซื้อขาย 2,345,218 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 161.50 บาท เพิ่มขึ้น +5.00 บาท หรือ +3.19% มูลค่าการซื้อขาย 2,091,448 ล้านบาท
JAS ปิดที่ 9.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,748,916 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส หรือ ASP กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นรับความคาดหวังปัญหาการคลังของสหรัฐฯ ใกล้คลี่คลาย ดัชนี SET INDEX จึงเคลื่อนไหวได้อย่างแข็งแกร่งมาตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์จะปรับร่วงไปก็ตาม แต่ตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่งอยู่จากปัจจัยพื้นฐานที่ดี ซึ่งหากดูตามจังหวะแล้ว ดัชนีดาวโจนส์มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นบวกสูง เนื่องจากมีการปรับลดลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่พรรคเดโมแครต และรีพับลิกันจะสามารถตกลงกันในการเพิ่มเพดานหนี้ระยะสั้น เพื่อจะยืดเวลา และช่วยให้สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 17 ต.ค. ส่งผลให้บรรยากาศการเมืองของสหรัฐฯ ที่ดูผ่อนคลายลง และแนวโน้มการลงทุนกลับมาเริ่มดีขึ้น เมื่อบวกกับปัจจัยอื่นๆ เช่น การคงมาตรการ QE ในรอบการประชุมวันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ และการเก็งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3 ในประเทศเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุให้ SET INDEX ปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ดัชนีถูกผลักดันด้วยแรงซื้อระยะสั้นจากพอร์ตโบรกเกอร์ อาจทำให้ดัชนีมีความเสี่ยงที่จะเจอการดักขายทำกำไร กดให้ดัชนีแกว่งผันผวนสูงได้ นักลงทุนจึงควรระมัดระวังไว้เป็นอย่างสูง ในแง่เทคนิค SET INDEX ที่ขยับขึ้นจากฐานการพักตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โอกาสที่จะดีดขึ้นต่อเนื่องมีสูง โดยทิศทางการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (11 ต.ค.) แนวรับจะอยู่ที่ 1,428-1,430 และแนวต้านจะอยู่ที่ 1,446-1,448