อาจร้ายกว่าที่คาด
ตลาดหุ้นกลับสู่ความพลิกผันอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์การเมืองไม่จบง่ายอย่างที่ประเมินกันไว้ เพราะกระแสประชาชนก้าวข้ามไปจากการเรียกร้องให้ล้ม พ.ร.บ.นิรโทษรรมไปแล้ว แต่ยกระดับไปสู่การขับไล่รัฐบาล ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงครั้งใหญ่ เพราะพรรคเพื่อไทย จะพยายามยื้ออำนาจไว้ให้นานที่สุด ไม่ยอมรับการต่อต้านของประชาชน และดันทุรังที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป ทำให้ตลาดหุ้นตกอยู่ในความเสี่ยง
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,425.23 จุด ลดลง 9.74 จุด มูลค่าซื้อขาย 42,574 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 567 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นสุดที่จะคาดเดาแล้ว เพราะแม้รัฐบาลจะยุติ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ยังพยายามที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป โดยหันไปปลุกกระแสคนเสื้อแดงขึ้นมาเพื่อค้ำยันอำนาจตัวเอง ซึ่งจะนำไปสู่การเผชิญหน้าของประชาชนจนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงตามมา และจะกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ รวมถึงบรรยากาศการลงทุนด้วย
ดังนั้น ความเสี่ยงจากสถานการณ์การเมืองจึงยังสูงเหมือนเดิม โดยพร้อมจะเกิดความผันผวนรุนแรงได้ตลอดเวลา หรืออย่างน้อยก็จะส่งผลให้หุ้นกลับสู่ภาวะซึมพักใหญ่ เพราะไม่น่าจะมีนักลงทุนกลุ่มใดสวนควันปืนไล่ช้อนหุ้นท่ามกลางมรสุมการเมืองที่รอการระเบิดครั้งใหญ่
รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แสดงท่าทีแล้วจะไม่ยอมถอยลงจากอำนาจ แต่ประชาชนก็แสดงเจตนารมณ์เหมือนกันจะไม่ยอมให้รัฐบาลนี้อยู่สร้างความเสียหายให้ประเทศต่อไป โดยไม่รู้ว่าจุดจบของการเผชิญหน้าจะเป็นอย่างไร ดังนั้น ตลาดหุ้นไม่น่าจะดีแน่
นักลงทุนจึงควรมีหุ้นให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงให้มากที่สุด
ตลาดหุ้นกลับสู่ความพลิกผันอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์การเมืองไม่จบง่ายอย่างที่ประเมินกันไว้ เพราะกระแสประชาชนก้าวข้ามไปจากการเรียกร้องให้ล้ม พ.ร.บ.นิรโทษรรมไปแล้ว แต่ยกระดับไปสู่การขับไล่รัฐบาล ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงครั้งใหญ่ เพราะพรรคเพื่อไทย จะพยายามยื้ออำนาจไว้ให้นานที่สุด ไม่ยอมรับการต่อต้านของประชาชน และดันทุรังที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป ทำให้ตลาดหุ้นตกอยู่ในความเสี่ยง
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,425.23 จุด ลดลง 9.74 จุด มูลค่าซื้อขาย 42,574 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 567 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นสุดที่จะคาดเดาแล้ว เพราะแม้รัฐบาลจะยุติ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ยังพยายามที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป โดยหันไปปลุกกระแสคนเสื้อแดงขึ้นมาเพื่อค้ำยันอำนาจตัวเอง ซึ่งจะนำไปสู่การเผชิญหน้าของประชาชนจนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงตามมา และจะกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ รวมถึงบรรยากาศการลงทุนด้วย
ดังนั้น ความเสี่ยงจากสถานการณ์การเมืองจึงยังสูงเหมือนเดิม โดยพร้อมจะเกิดความผันผวนรุนแรงได้ตลอดเวลา หรืออย่างน้อยก็จะส่งผลให้หุ้นกลับสู่ภาวะซึมพักใหญ่ เพราะไม่น่าจะมีนักลงทุนกลุ่มใดสวนควันปืนไล่ช้อนหุ้นท่ามกลางมรสุมการเมืองที่รอการระเบิดครั้งใหญ่
รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แสดงท่าทีแล้วจะไม่ยอมถอยลงจากอำนาจ แต่ประชาชนก็แสดงเจตนารมณ์เหมือนกันจะไม่ยอมให้รัฐบาลนี้อยู่สร้างความเสียหายให้ประเทศต่อไป โดยไม่รู้ว่าจุดจบของการเผชิญหน้าจะเป็นอย่างไร ดังนั้น ตลาดหุ้นไม่น่าจะดีแน่
นักลงทุนจึงควรมีหุ้นให้น้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงให้มากที่สุด