รมช.คลัง ยืนยันรัฐไม่มีนโยบายขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% หวั่นกระทบความรู้สึกประชาชน เพราะการบริโภค และการใช้จ่ายยังซบเซา ครวญการมีข่าวเรื่องนี้อาจกระทบต่อค่าครองชีพ และราคาสินค้าอาจจะเพิ่มขึ้น ทำให้มีการกักตุน หรือซื้่อสินค้ามากกว่าปกติ ส่งผลให้ราคาปรับขึ้นโดยอัตโนมัติ
นางเบญจา หลุยเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปฎิเสธข่าวการปรับเพิ่มอัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT จากปัจจุบันจัดเก็บร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 โดยระบุว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ในเชิงนโยบาย หรือความคิดของรัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่จะปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นไป เพราะอัตราการบริโภค และการใช้จ่ายของประชาชนยังคงที่อยู่ การมีข่าวเรื่องนี้อาจกระทบต่อค่าครองชีพบางส่วนของประชาชน โดยราคาสินค้าอาจจะเพิ่มขึ้น ทำให้มีการกักตุน หรือซื้่อสินค้ามากกว่าปกติ ส่งผลให้ราคาปรับขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งรัฐบาลเป็นห่วงในเรื่องนี้จึงไม่อยากให้กระทบความรู้สึกของประชาชน
ประกอบกับขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการต่อมาตรการคงการลดอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 10 เหลือร้อยละ 7 ต่อเนื่องไปอีก 2 ปี ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 และไปจะไปสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 ฉะนั้น ขณะนี้จึงไกลเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องการปรับ VAT และรัฐบาลก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องงบประมาณ เพราะการจัดทำปีงบประมาณปีงบที่ผ่านมา ด้านการจัดเก็บรายได้สามารถทำได้สูงกว่าเป้าหมาย ส่วนการจัดทำงบประมาณปัจจุบัน ก็จัดทำภายใต้การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล และจัดทำภายใต้การไม่ปรับขึ้น VAT ด้วย ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนสบายใจ
ส่วนการเสนอให้ปรับขึ้น VAT ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ถือเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายวิชาการที่จะมีข้อเสนอต่อรัฐบาล แต่ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังไม่มีนโยบายที่จะทบทวนโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าเครื่องดื่มชาเขียวสำเร็จรูปด้วย