อดีตปลัด “คลัง” ฝากย้ำให้ ขรก. รักษาวินัยการคลัง เพราะต้องสร้างความเชื่อถือให้ทั่วโลก ขณะที่ “บสย.-เอสเอ็มอีแบงก์” จับมือค้ำประกันเงินกู้เพื่อรับซื้อข้าว ด้านประธานปิดบัญชีข้าว ยอมรับ “โครงการรับจำนำ” ขาดทุนปีละ 2 แสนล้าน ใกล้เคียงกับตัวเลข “หม่อมอุ๋ย” ประมาณการไว้
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาข้าราชการพลเรือน (ก.พ.ร.) ในฐานะอดีตปลัดกระทรวงการคลัง ได้กล่าวอำลาข้าราชการก่อนไปรับหน้าที่ใหม่ โดยระบุว่า ตนเองขอให้ข้าราชการทุกคนยึดมั่นต่อการรักษาวินัยการเงินการคลัง เพราะกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานที่ต้องติดต่อ และสร้างความน่าเชื่อถือกับทั่วโลก และที่ผ่านมา กระทรวงการคลังถือเป็นหน่วยงานเศรษฐกิจที่น่าเชื่อถือ
สำหรับการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว 2 ปี 3 รอบฤดูกาลผลิต ทั้งปี 54/55 และ 55/56 ได้ลงนามตามที่อนุกรรมการปิดบัญชีเสนอมาแล้ว จากนี้จะเสนอคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งทบทวนการปิดบัญชีในทุกๆ ไตรมาสจากนั้นจะเสนอ ครม. รับทราบต่อไป
ด้านนายมนูญรัตน์ เลิศโกมลสุข กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า เพื่อรองรับการขอกู้จากโรงสี คลังสินค้าให้มีสภาพคล่องเพิ่มเติม จึงเตรียมดึง บสย. เข้ามาช่วยค้ำประกันการกู้เงิน เพื่อให้โรงสีข้าวมีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอในการรับซื้อข้าว และนำไปสี เพราะต้องสำรองจ่ายเงินบางส่วนในการเข้าโครงการรับจำนำข้าว สำหรับโครงการสินเชื่อแฟกทอริ่ง หรือปล่อยสินเชื่อให้โรงสีขนาดเล็ก-ใหญ่ ในโครงการจำนำข้าววงเงิน 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันปล่อยกู้แล้ว 600 ล้านบาท คาดว่าจะได้ตามเป้าหมาย
นายวัลลภ เตชะไพบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า เพื่อให้โรงสีข้าวได้มีสภาพคล่องในการรับซื้อข้าวจากสตอกของรัฐบาล และเป็นแนวทางหนึ่งในการระบายข้าวได้มากขึ้น บสย.จึงได้หารือกับเอสเอ็มอีแบงก์ เพื่อให้เอสเอ็มอีแบงก์ออกหนังสือรับรองใบ LC ด้วยการให้ บสย. ค้ำประกันการกู้เงินสำหรับซื้อข้าว หากฐานะของโรงสีมีความเสี่ยง หรือต้องการวงเงินที่สูงกว่าสินทรัพย์ค้ำประกัน โดยใช้วงเงินที่ บสย. เหลือค้ำประกันในปัจจุบัน 2.4 แสนล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปร่วมกันในเร็วๆ นี้
ล่าสุด น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวได้เปิดเผยข้อมูลว่า โครงการรับจำนำข้าวจะมีผลขาดทุนเฉลี่ยปีการผลิตละ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรววงการคลัง ประมาณการไว้