ศูนย์ข้อมูลฯ คาดปี 57 ผู้ประกอบการลดลงทุนเปิดคอนโดฯ ใหม่ หลังซัปพลายทะลักตลาดมาก แถมขาดแคลนผู้รับเหมา หวั่นสร้างไม่ทันส่งมอบ พร้อมเผย 6 ทำเลเด่นราคาบ้านเฉลี่ยปรับขึ้นสูงสุดบ้านเดี่ยว ขึ้น 25% ทาวน์เฮาส์ 36% ส่วนคอนโดฯ ปรับขึ้นสูงสุด 48% ในรอบ 5 ปี
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทระพย์ในปี 2557 ว่า ตลาดคอนโดมิเนียมจะชะลอการเปิดโครงการใหม่ลง จากที่ปีนี้มีการเปิดตัวโครงการใหม่สูงถึง 70,000-75,000 หน่วย โดยผู้ประกอบการหลายรายประกาศแผนลงทุนคอนโดฯ ลดลงในปีหน้า โดยมาจากหลายสาเหตุ ได้แก่ ปี 56 มีการพัฒนาสินค้าออกสู่ตลาดจำนวนมาก จนในบางทำเลซัปพลายล้น อัตราการขายชะลอตัว มีการแข่งขันสูง ในขณะที่ราคาที่ดินที่จะนำมาพัฒนามีราคาสูงมากจนไม่สามารถที่จะพัฒนาห้องชุดออกมาในราคาที่ตลาดรับได้
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังประสบปัญหาขาดแคลนผู้รับเหมาที่จะสร้างโครงการให้ หรือมีปัญหางานก่อสร้างล่าช้าจนส่งมอบไม่ทันตามที่กำหนดไว้ และในปี 57 ผู้ประกอบการจะประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หากโครงการก่อสร้างภาครัฐเริ่มดำเนินการทั้งโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานงบประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท และงบบริหารจัดการน้ำ ทั้งนี้ เชื่อว่าในปี 57 ราคาบ้านจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้าง
สำหรับในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เชื่อว่าแนวโน้มตลาดจะมีการปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 และ 3 ที่ผ่านมา ที่มีการชะลอตัวจากปัญหาเศรษฐกิจผันผวน เศรษฐกิจโลก ความกังวลเรื่องน้ำท่วม โดยการปรับตัวดีขึ้นของตลาดในช่วงไตรมาส 4 นี้จะไม่หวือหวาเท่ากับช่วงไตรมาส 1 อย่างแน่นอน
ด้าน ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการสำรวจราคาที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยนำที่อยู่อาศัยใน 6 โซนเด่นมาหาค่าเฉลี่ยของราคาพบว่ามีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ในทำเล 1.คลองห้า ธัญบุรี ลำลูกกา 2.มีนบุรี หนองจอก ลาดกะบัง 3.บางพลี เมืองสมุทรปราการ 4.ราษฎร์บูรณะ บางขุนเทียน จอมทอง 5.บางใหญ่ บางบัวทอง บางกรวย ไทรน้อย โดยบ้านเดี่ยวมีราคาเฉลี่ยเมื่อปี 52 ที่ 4.72 ล้านบาท และปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนในปี 56 ราคาเฉลี่ยปรับขึ้นมาอยู่ที่ 5.91 ล้านบาท เฉลี่ยปรับขึ้น 25% นับจากปี 52 ส่วนทาวน์เฮาส์ ราคาเฉลี่ยเมื่อปี 52 อยู่ที่ 1.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 2.25 ล้านบาท ในปี 56 หรือเพิ่มขึ้น 36%
ส่วนคอนโดฯ ในทำเล 1.แคร์ราย หลักสี่ รามอินทรา 2.บางซื่อ-นนทบุรี 3.รัชดา (ลาดพร้าว-มักกะสัน) 4.อ่อนนุช-แบริ่ง 5.บางนา-สุวรรณภูมิ และ 6.ตากสิน-บางหว้า โดยพบว่า เมื่อปี 52 คอนโดฯ ในทำเลดังกล่าวมีราคาเฉลี่ย 68,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นมาอยู่ที่ 1 แสนบาท/ตร.ม. ในปี 56 ปรับขึ้น 48% นับจากปี 52
“จากสถิติดังกล่าวพบว่า แม้ภาวะตลาดจะได้รับผลกระทบจากปัญหาต่างๆ แต่ราคาที่อยู่อาศัยไม่ได้ปรับลดลง แต่ยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับประเภทของบ้าน และทำเล ดังนั้น จึงสามารถลงทุนกับบ้านได้”
ทั้งนี้ หากนักลงทุนต้องการลงทุนหาผลตอบแทนจากบ้านจะต้องพิจารณาจาก 1.ซื้อบ้านให้ถูก..ขายแพง 2. สามารถปล่อยเช่าได้ราคา 3.มีสภาพคล่องดีพอสมควร 4.กู้ดอกเบี้ยต่ำในช่วงเริ่มต้น เลือกดอกเบี้ยคงที่ระยะยาวถ้าดอกเบี้ยผันผวน
ล่าสุด เสนาฯ ร่วมกับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เตรียมจัดสัมมนาภายใต้หัวข้อ “รวยด้วยบ้าน” ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 เพื่อแนะนำกลยุทธ์ ชี้ช่องทำเลทอง “การเลือกทำเลอย่างไรให้คุณรวยด้วยบ้าน” ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์สังเวียนอินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สอดรับกับทิศทางธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ และการพัฒนาโครงการโครงข่ายด้านคมนาคมของประเทศ ซึ่งผู้ร่วมงานจะได้ประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลที่สร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต