หุ้นพลิกปิดบวก 2 จุด หลังช่วงเช้าลงลึกกว่า 10 จุด คาดเป็นผลจากความคาดหวังว่า สหรัฐฯ จะสามารถตกลงกันได้ในเรื่องของการขยายเพดานหนี้ที่จะมีเส้นตายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ และคงจะไม่ปล่อยให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ดังนั้น พอหุ้นปรับตัวลงก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดจะเคลื่อนไหวโดยใช้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเป็นตัวกำหนด พร้อมประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,450-1,475 จุด
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (14 ต.ค.) ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,459.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.14% มูลค่าการซื้อขาย 32,434.95 ล้านบาท โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 หนุนดัชนีปิดในแดนบวกได้สำเร็จ แม้จะมีแรงขายในหุ้นบิ๊กแคป
ด้านสัดส่วนนักลงทุน นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 316.55 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 387.52 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 884.66 ล้านบาท นักลงทุนภายในประเทศขายสุทธิ 180.59 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวขึ้นได้เป็นผลจากความคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะสามารถตกลงกันได้ในเรื่องของการขยายเพดานหนี้ ที่จะมีเส้นตายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ซึ่งต่างมองว่าสหรัฐฯ คงจะไม่ปล่อยให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ดังนั้น พอหุ้นปรับตัวลงก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันนี้ตลาดได้ปรับตัวลงไปกว่า 10 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่สามารถตกกันได้ในเรื่องการขยายเพดานหนี้ แต่มองว่าสัปดาห์นี้การหารือในสภาคองเกรสจะมีความเข้มข้นขึ้น ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในแดนลบแต่ไม่มากนักราว 0.2-0.4%
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้ คาดว่าตลาดจะเคลื่อนไหวโดยใช้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเป็นตัวกำหนด ซึ่งขณะนี้ตลาดยังเห็นสัญญาในเชิงลบเพราะดาวน์โจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลดลงแรง ซึ่งคาดว่าผลจะสรุปได้ก็จะเกิดขึ้นในวินาทีสุดท้าย ถัดมาคือ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมนี และการรายงานตัวเลขจีดีพีของจีน ซึ่งถือว่ามีความสำคัญต่อตลาดมากในวันที่ 18 ต.ค.นี้
ขณะที่ประเทศไทยเอง ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาดอกเบี้ยซึ่งจะเห็นว่าสัปดาห์นี้ตลาดจะรอประเด็นทางเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งสิ้น ส่วนปัจจัยผลกำไรของธนาคารพาณิชย์ที่ทยอยออกมาก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดการเก็งกำไรในระยะนี้ซึ่งมองว่าช่วงนี้ดัชนีน่าจะมีกรอบแนวต้านที่ 1,470-1,473 จุดและแนวรับ 1,445 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TMB ปิดที่ 2.96 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,062.03 ล้านบาท
2.TRUE ปิดที่ 9.10 บาท ลดลง -0.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,717.27 ล้านบาท
3.JAS ปิดที่ 9.45 บาท ลดลง -0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,577.24 ล้านบาท
4.PTT ปิดที่ 319.00 บาท ลดลง -4.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,566.15 ล้านบาท
5.ITD ปิดที่ 6.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,300.12 ล้านบาท