“เอเซีย พลัส” มองปัจจัยกระทบหุ้น 7-11 ต.ค. เชื่อ “การเมืองไทย” ยังร้อนแรง นักลงทุนลุ้น “สภาคองเกรส” อนุมัติเพิ่มเพดานหนี้ หากสะดุดอาจกระทบความเชื่อมั่น คาดภาคการบริโภค 70% ของจีดีพี จุดชนวนวิกฤตรอบใหม่ รุนแรงกว่าซับไพรม์
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (ระหว่างวันที่ 7-11 ตุลาคม 2556) โดยมองว่า การเมืองไทยยังคงเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้น โดยเชื่อว่าแนวโน้มจะมีความร้อนแรงขึ้นตามลำดับ เนื่องจากมีหลายประเด็นขัดแย้งที่จะเข้าสู่การพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 237 การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ขณะที่ปัจจัยภายนอกต้องจับตากรณีที่มีการปิดหน่วยงานราชการบางส่วนของสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งประเมินกันว่าสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจ (GDP) ประมาณ 300 ล้านเหรียญต่อวัน แต่อย่างไรก็ตาม ความเสียหายในครั้งนี้จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความขัดแย้งของ 2 ขั้วการเมือง ที่จะสามารถตกลงร่วมกันได้เมื่อใด ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาเพดานหนี้ที่จะถึงเส้นตายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ยังเป็นประเด็นสำคัญที่รออยู่ เพราะหากสภาคองเกรสไม่อนุมัติให้เพิ่มเพดานหนี้จากระดับปัจจุบันที่ 16.7 ล้านล้านเหรียญ จะทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ได้ ส่งผลกระทบต่อเครดิตของประเทศ และลดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้ลดต่ำลง ซึ่งการบริโภคในสหรัฐฯ คิดเป็น 70% ของ GDP และอาจจะทำให้เศรษฐกิจตกต่ำกว่าช่วงวิกฤตปี 2550-2551 ก็เป็นได้