หุ้นภาคเช้าแกว่งผันผวนในกรอบแคบ ดัชนีปิดลบ 0.09 จุด เม็ดเงินต่างชาติยังนิ่ง ขณะที่กองทุนฯ ยังรอทิศทางอยู่นอกตลาดฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นมีลักษณะซึมตัว เพราะการลงทุนเป็นการเทรดดิ้งเพื่อรักษาสัดส่วนการลงทุนภายในพอร์ตเท่านั้น แนะจับตาผลประกอบการ Q3 ที่จะเริ่มประกาศในสัปดาห์หน้า
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 ต.ค.) ดัชนีปิดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,433.97 จุด ลดลง 0.09 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.01% มูลค่าการซื้อขาย 16,135.04 ล้านบาท นักวิเคราะห์ยอมรับว่า การลงทุนเช้านี้ไม่คึกคัก ตลาดมีลักษณะซึมตัว และยังมีความเสี่ยงที่จะแกว่งผันผวนได้อยู่ถึงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ ดังนั้น การเก็งกำไร หรือการถือหุ้นลุ้นให้ทำในวงเงินจำกัดไปก่อน และใช้ 1,374-1,380 จุดเป็นจุดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยง
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผัวผวน เพราะเมื่อวานนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นแรง ดังนั้น จึงแนะหาจังหวะขายช่วงบวก ซึ่งมีปัจจัยมาจาก 1.สหรัฐฯ ยังไม่สรุปงบประมาณ และเพดานหนี้ แต่วานนี้มีข่าวบวกว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ จะหาทางเพิ่มเพดานหนี้ระยะสั้นไปก่อนโดยอาจยอมผ่อนปรนเงื่อนไขบางอย่าง
2.ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โอบามา เตรียมเสนอ นางเจเน็ต เยลเลน เป็นประธานเฟดคนต่อไป คนนี้ค่อนข้างหนุนมาตรการอัดฉีเงนกระตุ้นเศรษฐกิจ (คิวอี) อาจส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น 3.วุฒิสภาของไทยผ่านวาระ 1 ของ พ.ร.บ.ลงทุน 2 ล้านล้านบาท แล้วเมื่อวานนี้ คาดลงมติครบ 3 วาระ ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ต.ค. 4.ต่างชาติ และกองทุนยังไม่หนุนหุ้นไทย มีเพียงแต่พอร์ตโบรกเกอร์ที่ซื้อหนัก
ด้านนักวิเคราะห์ บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่า กระแสเงินทุนต่างชาติจะเริ่มเบาบาง เพราะภาพการลงทุนในภาวะปัจจุบันยังไร้ปัจจัยบวกภายในประเทศ ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้เป็นเพียงการรักษาสัดส่วนการลงทุนภายในพอร์ตการลงทุนเท่านั้น ประเด็นสำคัญอยู่ที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2556 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่จะเริ่มทยอยประกาศในสัปดาห์หน้า
ส่วนปัจจัยเสี่ยงในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการปิดหน่วยงานราชการ (ชัตดาวน์) ที่เข้าสู่วันที่ 9 บวกกับการขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะเหลือเวลาอีกเพียง 9 วัน ก็จะทำให้สหรัฐฯ มีเงินสดเหลือเพียง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่เพียงพอต่อการบริหารประเทศ รวมถึงการจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้น
กรณีดังกล่าว โบรกเกอร์หลายสำนักในต่างประเทศต่างเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะไม่ผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา สามารถเสนอแผนขยายเพดานก่อหนี้ต่อสภาคองเกรสได้ หากเสียงคัดค้านไม่เกิน 2 ใน 3 ของแต่ละสภา ทำให้ประเด็นเสี่ยงนี้สิ้นสุดลงเช่นกัน ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงสั้นแนะนำให้เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง ที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการเก็งกำไรรอบสั้น
