“โอบามา” ยืนยันสัมพันธ์สหรัฐฯ-เอเชียเหนียวแน่น แม้ตนขาดประชุม “เอเปก”

เอเอฟพี – ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ชี้ การที่ตนไม่ได้เดินทางไปร่วมประชุมเอเปกที่เกาะบาหลี และซัมมิตเอเชียตะวันออกที่บรูไน จะไม่กระทบบทบาทของสหรัฐฯในเอเชีย แต่เชื่อว่าจีนคงพอใจที่ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ปรากฏตัวทั้ง 2 เวที

โอบามา ซึ่งประกาศใช้ยุทธศาสตร์มุ่งสู่เอเชียเพื่อรับมือการขยายอิทธิพลของจีน ต้องจำใจยกเลิกแผนเยือน 4 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างกะทันหัน หลังหน่วยงานสหรัฐฯ ต้องเผชิญวิกฤต “ชัตดาวน์” จากการที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณได้

ในการแถลงข่าววานนี้ (8) ผู้นำสหรัฐฯชี้ว่า ประเทศเอเชียย่อมเข้าใจดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสหรัฐฯในเวลานี้ ซึ่งจะมีผลต่อความสัมพันธ์กับทั่วโลก ก็คือการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม

“ดังนั้น ผมเชื่อว่า (การไม่เข้าร่วมประชุม) จะไม่สร้างความเสียหายในระยะยาว” เขากล่าว

โอบามา ชี้ว่าสหรัฐฯ ยังเป็นชาติ “สำคัญ” หนึ่งเดียวในโลก และที่ประเทศเอเชียต้องการผูกมิตรกับวอชิงตัน ก็เพราะเชื่อมั่นในเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และชื่นชมบทบาทด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ

“พวกเขาก็ไม่มีจุดหมายที่อื่นอยู่แล้ว พวกเขาต้องการให้เราอยู่ที่นั่น และต้องการที่จะร่วมมือกับเรา” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว

แต่ขณะที่ โอบามา มัววุ่นอยู่กับการแก้ไขวิกฤตงบประมาณ ประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ของจีน ก็ฉวยโอกาสนี้สานต่อข้อตกลงการค้านับหมื่นๆ ล้านดอลลาร์กับอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่ โอบามา ควรจะได้มาเยือนในคราวนี้

“ผมเชื่อว่าจีนคงไม่ถือสาที่ผมไม่ได้ไปร่วมประชุมคราวนี้... เรามีมุมมองบางอย่างที่ต่างกัน และจีนคงจะสามารถแสดงจุดยืนของพวกเขาได้ โดยไม่ถูกคัดค้านมากเท่าตัวผมไปเอง”

ตามหมายกำหนดการเดิม โอบามา จะได้เดินทางเยือนกรุงมะนิลา และจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกในรอบ 47 ปีที่ไปเยือนมาเลเซีย หลังสิ้นยุคของอดีตนายกรัฐมนตรี มหาธีร์ โมฮัมหมัด ซึ่งปกครองมาเลเซียระหว่างปี 1981-2003 และมีจุดยืนต่อต้านสหรัฐฯ อย่างชัดเจน

รัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนสหรัฐฯ มาร่วมประชุมเอเปกที่เกาะบาหลี ตลอดจนซัมมิตเอเชียตะวันออกที่บรูไน และจะไปเยือนฟิลิปปินส์และมาเลเซียแทน โอบามา ด้วย

เมื่อเอ่ยถึงการเตรียมงานของสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมประชุมซัมมิตทั้ง 2 ในเอเชีย โอบามา ก็กล่าวเป็นทำนองเสียดายว่า “เหมือนผมไม่ได้ไปประชุมพรรคตัวเอง” และอยากให้หุ้นส่วนในเอเชียมองว่า การที่ตนไม่สามารถไปประชุมได้ครั้งนี้เกิดจาก “กระบวนการประชาธิปไตยในอเมริกาที่ยุ่งเหยิงบ้างเป็นธรรมดา”