นายกฯ สมาคม บจ. แนะใช้ระบบบัญชีมาตรฐานสากลดึงการลงทุนนอก และเตรียมความพร้อมรับ “เออีซี” พร้อมเชื่อมั่น บจ.ไทย มีความพร้อมเพียงพอสำหรับมาตรฐานใหม่
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) เปิดเผยว่า การเปิดประชาคมเขตเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ตลาดทุนมีการขยายตัวมากขึ้น จากการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ การเงินและการลงทุน ขณะเดียวกัน จะทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้น ในการสร้างความน่าสนใจและดึงการลงทุน สิ่งสำคัญนอกจากการสร้างการเติบโตของธุรกิจแล้ว จะต้องสร้างการยอมรับในเรื่องระบบมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับ มีความเป็นสากล และมีความโปร่งใสในการทำธุรกิจ
ทั้งนี้ บทบาทของบริษัทจดทะเบียน นอกจากการบริหารกิจการแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูล และสร้างพื้นฐานความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่นักลงทุน โดยระบบมาตรฐานทางบัญชีเป็นส่วนสำคัญในการให้ข้อมูลแก่นักลงทุน และเป็นจุดสำคัญที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจเลือกมาลงทุน เพราะถึงแม้ว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี หรือมีการเติบโตของกำไรมากแค่ไหน แต่หากระบบมาตรฐานทางบัญชีไม่ดี ไม่เป็นที่ยอมรับในสากล นักลงทุนก็คงไม่เลือกที่จะมาลงทุน เพราะไม่มีความเชื่อมั่นว่าข้อมูลที่ลงในบัญชีนั้นมีความถูกต้อง และมีความโปร่งใสเพียงพอ
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันที่ลงทุนตามพื้นฐานของธุรกิจไม่ใช่ลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น จะดูเรื่องมาตรฐานทางบัญชีเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจเข้ามาลงทุนด้วย เพราะจะดูว่าข้อมูลต่างๆ มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด และข้อมูลมีความถูกต้องกับความเป็นจริงแค่ไหน ดังนั้น ในการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเออีซี บจ.จึงควรวางระบบบัญชีให้เป็นมาตรฐานสากล
สำหรับระบบมาตรฐานบัญชี ไอเอฟอาร์เอส นั้นจะเข้ามามีส่วนช่วยให้ข้อมูลที่ลงในระบบบัญชีมีความใกล้เคียงกับข้อมูลจริง หรือใกล้เคียงความถูกต้องมากกว่าเดิม ทั้งในเรื่องราคาสินทรัพย์ที่ต้องมีการอิงกับราคาตลาดโลก หรือมาร์กทูมาร์เกต รวมทั้งการลงบันทึกต้นทุน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบริษัทจะต้องผันแปรตามข้อเท็จจริง
ดังนั้น ระบบบัญชีจึงไม่ใช่เรื่องเฉพาะของฝ่ายบัญชีอีกต่อไป ทางผู้บริหาร และฝ่ายปฏิบัติการก็ต้องเรียนรู้ทางด้านการเงิน และระบบบัญชีด้วย ขณะที่ฝ่ายบัญชีก็ต้องมีความรู้ทางด้านธุรกิจขององค์กรให้มากด้วย เพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพราะความไม่รู้ถือว่าเป็นความเสี่ยงของธุรกิจ เนื่องจากในการทำธุรกิจจะต้องมีการตั้งสมมติฐานการประกอบธุรกิจ ซึ่งจะต้องอยู่บนพื้นฐานการมีความรู้ และความเข้าใจในธุรกิจ
ปัจจุบัน บจ.ขนาดใหญ่ก็มีความพร้อมระดับหนึ่งในการใช้มาตรฐานบัญชีไอเอฟอาร์เอส (IFRS) แล้ว แต่ บจ.ขนาดเล็กยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสินค้าเกษตร เพราะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาสินค้าเคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลก ซึ่งการลงบัญชีจะต้องลงโดยอิงราคาตลาด หรือมาร์กทูมาร์เกต เช่นเดียวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่การลงบัญชีจะแตกต่างออกไปจากธุรกิจอื่น ยอดขายยังไม่สามารถบันทึกเป็นรายได้ได้ จะบันทึกได้ก็ต่อเมื่อมีการโอนสินทรัพย์ให้แก่ลูกค้าแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริหาร และนักบัญชีจะต้องมีความรู้ในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งสมาคม บจ.พร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการให้ข้อมูล และให้ความรู้แก่ทาง บจ. และนักลงทุน