หุ้นไทยรีบาวนด์ 25 จุด หลังการปิดน่วยงานรัฐเป็นไปตามคาด และตลาดรับรู้ล่วงหน้าไปแล้ว โบรกฯ ชี้นักลงทุนให้ความสำคัญต่อมาตรการ QE มากกว่า คาดหากปัญหายังยืดเยื้อการประชุมเฟด ต.ค. น่าจะคงมาตรการต่อจนถึงประชุมปลายปี แนะติดตามการขยายเพดานหนี้อเมริกา ส่วนในประเทศยังต้องติดตาม พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้าน และงบประมาณประจำปี ประเมินพรุ่งนี้รีบาวนด์ต่อ ด้าน “ไอเอ็มเอฟ” เชื่อปี 57 ตลาดเกิดใหม่ผันผวนน้อยลงจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 ต.ค.) รีบาวนด์ในแดนบวก โดยปิดที่ระดับ 1,408.19 จุด เพิ่มขึ้น 25.03 จุด หรือ 1.81% มูลค่าการซื้อขาย 36,754.04 ล้านบาท ภาพรวมเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดอื่นในภูมิภาค นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อเก็งกำไร แม้การพิจารณางบประมาณรายจ่ายสหรัฐฯ จะไม่ผ่าน แต่ก็เป็นไปตามคาด และตลาดรับข่าวไปแล้ว ระหว่างวันแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,410.98 จุด และต่ำสุดที่ 1,381.88 จุด
โดยสถาบันซื้อสุทธิเพียงกลุ่มเดียว 2,136.70 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นักลงทุนต่างประเทศ และรายย่อย ขายสุทธิ 1,466.18 ล้านบาท, 398.93 ล้านบาท และ 271.59 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วน เนื่องจากขาดเงินงบประมาณ จะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์ต่อวัน แม้จะสร้างความเสียทางเศรษฐกิจไม่มาก แต่หากการปิดหน่วยงานรัฐเกิดขึ้นนาน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และนักลงทุน ซึ่งนำไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่รุนแรง และจะทำให้มาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ผ่านมาไร้ผล และจะลุกลามไปจนไม่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่มีกำหนดแถลงวันที่ 4 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานเป็นที่เฝ้าติดตามของนักลงทุน เพราะเฟดใช้ในการพิจารณาการดำเนินมาตรการ QE
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์สหรัฐฯ ยังไม่ผ่านงบรายจ่ายปี 57 จะไม่กระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก เนื่องจากนักลงทุนไทยมุ่งเน้นประเด็นการลด และยกเลิก QE มากกว่า
IMF เชื่อปีหน้าหุ้นผันผวนน้อยลง
ด้านรายงานภาวะเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟ ล่าสุด ระบุว่าหลายประเทศในตลาดเกิดใหม่สามารถจัดการความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนโดยการกระตุ้นให้มีการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในต่างประเทศในช่วงเวลาที่เหมาะสม แทนการใช้มาตรการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยน หรือการควบคุมการไหลเข้าหรือไหลออกของเงินทุน ทำให้มองว่า ในปี 2557 ภาวะตลาดหุ้นของตลาดเกิดใหม่จะมีความผันผวนน้อยลงเป็นไปตามภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มมีการฟื้นตัว
US ปิดหน่วยงาน คานเฟดคง QE ต่อ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนี SET INDEX ในวันนี้ปรับตัวดีดกลับขึ้นมาสูงขึ้นตามเทคนิค โดยกลับมายืนเหนือตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งปรับตัวขึ้นมาแรงจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง และค่าเงินบาทของไทยปรับตัวแข็งค่าขึ้นมา ในขณะที่ทางอเมริกาได้เกิดเหตุการณ์ American Shut Down ขึ้น ซึ่งส่งผลต่อนักลงทุนที่จะคาดการณ์ได้ว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในปลายเดือนนี้จะยังคงมาตรการ QE ต่อเนื่องออกไปอีกอย่างน้อยจนถึงการประชุมครั้งถัดไป ที่จะมีขึ้นในเดือนธันวาคม ซึ่งจะต้องกลับมากังวลอีกครั้งว่าจะลดเม็ดเงินอัดฉีดหรือไม่
ทั้งนี้ สถานการณ์ American Shut Down ที่เกิดขึ้นในอเมริกาขณะนี้ยังไม่สามารถสร้างความกังวลต่อนักลงทุนได้มากนัก หากเทียบกับการปรับสัดส่วนเพดานหนี้ ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศที่ยังสร้างความกังวลต่อนักลงทุนได้แก่ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ที่ยังต้องรอความชัดเจนต่อไป และร่างงบประมาณพิจารณารายจ่ายประจำปีภาครัฐ ซึ่งอยู่ในช่วงของการพิจารณารอการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะเข้าสู่สภาในวาระ 2
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (2 ต.ค.) คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะยังคงผันผวน และมีแรงเทขายออกมา และอาจปรับตัวอ่อนลงในช่วงท้าย โดยมีแนวรับอยู่ที่ประมาณ 1,381 จุด และแนวต้านที่ 1,415-1,420 จุด
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนกลับเข้ามาเก็งกำไรทำให้ดัชนีรีบาวนด์ขึ้น แม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องงบประมาณรายจ่ายได้ แต่ตลาดได้รับข่าวมาล่วงหน้าแล้วทำให้ไม่มีผลกระทบ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอประมาณช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ที่จะมีเรื่องหนักๆ เข้ามาอีก เกี่ยวกับการแก้ไขเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ส่วนแนวโน้มตลาดวันพรุ่งนี้ (2 ต.ค.) คาดว่าดัชนียังสามารถปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กเข้ามาหนุนตลาด พร้อมให้แนวต้าน 1,422 จุด แนวรับ 1,385 จุด