xs
xsm
sm
md
lg

"STAR" ตั้งเป้าโตทั้งปี40% เล็งตลาดใหม่กลุ่มประเทศAEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์ คาดปีนี้ฟันรายได้ 200 ล้านบาทตามเป้า จากปีก่อนที่ 146 ล้านบาท หลังมีพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ควมคุมสุขภัณฑ์จากจีนไม่ได้มาตรฐานแย่งแชร์ตลาด โดยในไตรมาส4 บริษัทฯเตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการ และเล็งขยายตลาดนอกเหนือจากยุโรป เจาะตลาดกลุ่มประเทศอาเซี่ยนที่มีกำลังซื้อมากขึ้น เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน

ดร.สมชัย ว่องอรุณ ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์ หรือ STAR กล่าวว่า รายได้ในครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าจะเติบโตตามเป้าที่วางไว้ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่ทำได้ 146 ล้านบาทโดยไตรมาสที่ 4 ของปีนี้บริษัทฯเตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการ ที่เน้นการประหยัดน้ำโดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ บ้านเรือนทั่วไป ,โรงแรม,และห้างสรรพสินค้า ซึ่งสินค้าของบริษัทเป็นสินค้าที่ผ่านการจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 2,000 บาท/ชิ้น

อย่างไรก็ดีบริษัทฯคาดการณ์ว่ารายได้ในครึ่งปีหลังไปจนถึงปีหน้านั้น จะเติบโตดีขึ้นประมาณ 40% ซึ่งมองว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะมีความสมดุลมากขึ้น โดยสินค้าที่ส่งออกไปขายดั้งเดิมนั้นเป็นกลุ่มลูกค้าในทวีปยุโรป คาดว่าสภาวะตลาดยุโรปจะมียอดสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเข้ามา เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนตลาดภายในประเทศยังเติบโตและมีศักยภาพที่ดี โดยแบ่งสัดส่วนเป็นการขายเป็นทั้งโมเดิร์นเทรดและเอเย่นต์ และมีการโรดโชว์เพื่อส่งเสริมการขายอีกด้วย

นอกจากนี้บริษัทเตรียมที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศใหม่ๆคือ ประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน ซึ่งในสมัยก่อนนั้นกลุ่มประเทศเหล่านี้มีกำลังซื้อน้อยเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาสิทธิพื้นฐานของสินค้ายังคงมีราคาที่แพงอยู่ แต่เมื่อใกล้เปิดประชาคมอาเซียนกลุ่มประเทศเหล่านี้จะมีกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้องการสร้างมาตรฐานให้มีความทัดเทียมกับประเทศอื่น โดยตลาดสุขภัณฑ์ที่บริษัทมองไว้คือประเทศพม่า ซึ่งเมื่อเปิดเสรีการลงทุนมากขึ้นคาดว่าจะทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้ามากขึ้นและจะทำตลาดได้ดี ส่วนประเทศอื่นๆที่ได้ส่งสินค้าไปขายบ้างแล้วนั้นได้แก่ประเทศเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งได้ผลตอบรับที่น่าพอใจ ส่วนในประเทศอินโดนีเซีย ขณะนี้บริษัทกำลังคุยกับผู้แทนจำหน่ายซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเร็วๆนี้

ทั้งนี้ตามที่พระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ ได้กำหนดให้สินค้าสุขภัณฑ์ที่นำเข้าและผลิตภายในประเทศ จะต้องได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือ มอก. ซึ่งสามารถช่วยในการป้องกันสินค้าที่ขาดมาตรฐานรับรองเข้ามาขายในประเทศ โดยเฉลี่ยประมาณปีละกว่า 1,000 ล้านบาทออกไปได้ ซึ่งแต่เดิมนั้นไม่มีพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ทำให้สินค้านำเข้าไม่ต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก.จากประเทศจีนเข้ามาได้อย่างเสรี ทำให้กลุ่มสินค้าสุขภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไม่สามารถแข่งขันได้ และมียอดขายที่ลดลง
กำลังโหลดความคิดเห็น