ผู้ถือหุ้น “ดีเอ็นเอ 2002” ไฟเขียวแผนเพิ่มทุน 73.33 ล้านหุ้น ใช้ 33.33 ล้านหุ้น ซื้อกิจการขนมปังอบแบรนด์ “มิสเตอร์บัน” อีก 40 ล้านหุ้น เตรียมไว้รองรับพันธมิตรรายใหม่ เพื่อขยายธุรกิจสู่สื่อเอนเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร เล็งทีวีอีกช่อง หลังจากได้ลิขสิทธิ์ MTV มาก่อนหน้านี้
นายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อเอนเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ DNA ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 18,333,330 บาท เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 73,333,320 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ซึ่งภายหลังการเพิ่มทุนจดทะเบียน บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 198,333,296 บาท เป็นหุ้นสามัญ จำนวน 793,333,184 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท
สำหรับหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรก 33,333,320 หุ้น จัดสรรให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท บัน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตสินค้าประเภทขนมปังอบ เบเกอรี และเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์มิสเตอร์บัน ในราคาหุ้นละ 2.70 บาท แล้วนำเงินที่ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญที่ชำระแล้วทั้งหมด 100% ของบริษัท บัน จำกัด จำนวน 4.2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 23.80 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทฯ จะชำระค่าหุ้นที่เหลือด้วยเงินสดอีกประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งวิธีการดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการลดลงของราคาหุ้น DNA เนื่องจากเป็นการจัดสรรในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด
นายสามารถ กล่าวด้วยว่า หุ้นเพิ่มทุนอีกส่วนหนึ่ง 40 ล้านหุ้น จะจัดสรรแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เพื่อให้คณะกรรมการบริษัท หรือกรรมการผู้จัดการของบริษัทมีความคล่องตัวในการพิจารณากำหนดรายละเอียดอื่นๆ ได้ตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการขยายธุรกิจ และจัดหาพันธมิตรทางธุรกิจที่จะทำให้บริษัทฯ เติบโตต่อไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
“ที่ผ่านมาเราได้ลงทุน 50% ร่วมกับพันธมิตรอีก 50% ในการเป็นเจ้าของลิขสิทธ์ MTV ที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ โดยเราเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ และกำไรที่ดีในอนาคต ซึ่งนอกจาก MTV แล้ว เราก็มองการร่วมทุนกับเจ้าของคอนเทนต์ในระดับโลกเจ้าอื่นอีก โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลการเจรจาได้ภายในปีนี้” นายสามารถกล่าว
ส่วนกรณีการเข้าซื้อกิจการมิสเตอร์บันนั้น กรรมการผู้จัดการ บมจ.ดีเอ็นเอ 2002 กล่าวว่า บริษัทฯ มองเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และการแข่งขันในตลาดก็ไม่รุนแรงมากนัก ประกอบกับจำนวนสาขามิสเตอร์บันที่มีเกือบ 60 สาขา ล้วนตั้งอยู่ในย่านแหล่งชอปปิ้งที่มีชื่อเสียงทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง และเพิ่มช่อง
ทางการจัดจำหน่ายสินค้า และบริการของบริษัทฯ ที่ทำให้กลุ่มธุรกิจค้าปลีกของ DNA มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“ศักยภาพธุรกิจมิสเตอร์บันยังสามารถเติบโตได้อีกมาก ซึ่งทางเราจะเข้าไปช่วยในด้านบริหารจัดการโดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการจัดการช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า การดำเนินกลยุทธ์ด้านการตลาด และการนำระบบไอทีเพื่อพัฒนาสินค้า และจัดการช่องทางขายมิสเตอร์บันให้มีความแข็งแกร่ง โดยวางเป้าหมายว่าภายใน 1 ปี จะมีสาขามิสเตอร์บันไม่ต่ำกว่า 100 สาขา และเพิ่มเป็น 150 สาขา ในอีก 3 ปีข้างหน้า รวมถึงการผลักดันแบรนด์มิสเตอร์บันต่อยอดไปสู่การรุกธุรกิจในต่างประเทศอีกด้วย” นายสามารถ กล่าว
