“แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นฯ” มั่นใจภาพรวมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ครึ่งปีหลังสดใส ขณะทยอยเพิ่มมูลค่างานในมือต่อเนื่อง จากสิ้น มิ.ย. อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ขยับเป็น 3.1 พันล้านบาท
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT เปิดเผยว่า จากการที่ทิศทางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ AIT มีงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้น จากสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งมูลค่างานในมืออยู่ในราวกว่า 2.4 พันล้านบาทนั้น ล่าสุด ณ วันที่ 8 สิงหาคม ตัวเลขดังกล่าวขยับขึ้นมาอยู่ที่กว่า 3.1 พันล้านบาท
“ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หน่วยงานภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ ที่ดำเนินธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมอย่าง ทีโอที และ กสท รวมถึงภาคเอกชนยังลงทุนด้านระบบไอทีเพื่อยกระดับการให้บริการ โดยคิดเป็นมูลค่างานที่รอการเปิดประมูลรวมกันกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่ง AIT มีความพร้อมในการแข่งขัน และรับงานเพื่อเพิ่มมูลค่างานในมือให้มากขึ้น ดังนั้น ปีนี้จึงนับได้ว่าเป็นปีที่ดีของ AIT ในแง่การเติบโตของรายได้ และกำไรที่จะมีความแข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเรามีงานในมือที่ทยอยส่งมอบให้แก่ลูกค้าในครึ่งปีหลังอีกหลายโครงการ และเมื่อนับรวมผลงานในครึ่งปีแรก จึงมั่นใจได้ว่าเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 30% นั้น มีโอกาสเป็นไปได้ตามเป้า” นายศิริพงษ์กล่าว
ก่อนหน้านี้ AIT ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2556) โดยในงบเฉพาะกิจการของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตที่ดีมาก โดยสามารถทำรายได้ 1,488.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 874.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 152.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 72.6 ล้านบาท ขณะผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกเฉพาะงบกิจการของบริษัทฯ ในปี 2556 (เดือนมกราคม-มิถุนายน 2556) บริษัทฯ มีรายได้ 3,024.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 1,826.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 300.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.8% เทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 166.1 ล้านบาท พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้มีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกจากกำไรสะสมให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1.75 บาท