ตลท.จัดสัมมนา “พลังความคิดเปลี่ยนธุรกิจก้าวไกล” หวังดึงภาคธุรกิจขนาดกลาง และขนาดเล็กโตต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด หวังอนาคตจะมีบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนใน ตลท.เพิ่ม ต่อยอดความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจไทย
นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสเอ็มอีและซัปพลายเชน บมจ.ธนาคารทหารไทย หรือ TMB กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อ SMEs ในปีนี้จะเติบโต 40% หรือแตะระดับ 1 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดการปล่อยสินเชื่อ SMEs ไปทั้งสิ้น 65,000 ล้านบาท โดยตอนนี้ ธนาคารก็มีการคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อก็อยู่ที่ระดับ 30-35% ซึ่งถือเป็นระดับปกติ โดยเราได้มีการคัดกรองลูกค้าก่อนที่จะพิจารณาปล่อยสินเชื่ออยู่แล้ว ในส่วนของลูกค้าปัจจุบันที่มีแนวโน้มการผิดชำระหนี้มากขึ้น ทางธนาคารได้มีการเข้าไปให้คำปรึกษาถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวบ้างแล้ว
“ปีนี้ลูกค้า SME มีการขยายธุรกิจอย่างมาก โดยทั้งตลาดมองว่า แนวโน้มจะเติบโตประมาณ 10% ส่วนของทางธนาคารที่โตเยอะกว่านั้น โดยภาพรวมส่วนหนึ่งมาจากการได้ลูกค้าใหม่ที่เป็นลักษณะการรีไฟแนนซ์จากธนาคารอื่นเข้ามา อีกทั้งได้มีการเสนอโปรโมชันต่างๆ เพื่อเพิ่มความสนใจต่อลูกค้าอีกด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่า ปัจจุบันระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวลง และประชาชนมีหนี้สาธารณะจากรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่รายรับยังคงเท่าเดิม อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง อาจต้องแบบรับต้นทุนการสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศในราคาที่แพงขึ้น ส่งผลให้มีกำไรน้อยลง และมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคการส่งออกมีสภาพคล่อง และโอกาสที่จะขายสินค้าไปยังต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าจะรักษาระดับ NPL ไว้ที่ระดับไม่เกิน 2.5%”
ด้านนายสุรศักดิ์ นิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท เอนเนอร์จี รีฟอร์ม จำกัด กล่าวในงานสัมมนา “พลังความคิดเปลี่ยนธุรกิจก้าวไกล” ว่า การดำเนินธุรกิจ SMEs ให้ก้าวไปข้างหน้า สำหรับบริษัทฯ มองเรื่องการขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และการให้บริการอย่างครบวงจร ประกอบกับสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับในด้านความปลอดภัยของสินค้า เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯ มีความเกี่ยวข้องกับการติดตั้งระบบแก๊สในรถยนต์ ซึ่งสังคมไทยยังไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับความปลอดภัยในการติดตั้งแก๊ส
ทั้งนี้ โมเดลธุรกิจของบริษัทต้องการให้ศูนย์บริการติดตั้งแก๊สรถยนต์ส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ให้มีความครอบคลุม และมีการบริการที่ครบวงจร ซึ่งต้องการเน้นย้ำให้แบรนด์ของผู้บริโภคนึกถึงแล้วมีความปลอดภัย เมื่อนึกถึงศูนย์บริการที่มีคุณภาพทั่วประเทศ ในส่วนด้านเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงานบริษัทฯ ก็มีการทดสอบในส่วนที่เป็นประโยชน์ เช่น การประหยัดน้ำมัน และในส่วนที่เป็นปัญหาต่อความกังวลของผู้ใช้ทั่วไปคือ คือ กลิ่นแก๊สที่รั่วซึมเข้ามาในรถ และความกังวลต่อความปลอดภัยจากข่าวในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทำการตอกย้ำให้เห็นถึงความปลอดภัย โดยเน้นการทำการตลาดของบริษัทฯ ให้ความครอบคลุมมีมาตรฐาน และขยายตัวไปตามภูมิภาค ควบคุมคุณภาพสินค้า และมีการลงทุนปรับปรุงศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า รวมถึงให้ลูกค้ามีความพึงพอใจในขณะที่เข้ามาใช้บริการ นอกจากนี้ บริษัทมีการรับสมัครผู้ลงทุนที่สนใจ และมองเห็นอนาคตในการทำธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนดี มีกำไรอย่างรวดเร็ว ประกอบกับบริษัทมีการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงในยามที่บริษัทมีอุปสรรค
“ตัวเลือกทางด้านการเงินอย่างหนึ่งที่บริษัทฯ มองคือ ทางด้านธนาคารในการแก้ปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เพราะหากสภาพคล่องธุรกิจจะไม่สามารถดำเนินการไปได้ นอกจากนี้ ยังมองการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เราก็มีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยอยู่ในช่วงของการเตรียมความพร้อม คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ แต่ทั้งนี้ อาจต้องรอดูภาวะราคาแก๊ส LPG ให้มีเสถียรภาพที่ดีกว่านี้ เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคต”
ในส่วนของ นายอัครวงศ์ เดชาโชติธนเศรษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท วินเนอร์ เทเลคอมป์ กรุ๊ฟ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เน้นจับกลุ่มลูกค้าที่ใช้สมาร์ทโฟนเป็นหลัก โดยลูกค้ากลุ่มนี้มีการเน้นบริการหลังการขายที่ดี เนื่องจากการใช้มีความซับซ้อนกว่าการใช้คลาสสิกโฟน ซึ่งโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ มีหลากหลายราคา และระบบปฏิบัติการ อีกทั้งมีโปรแกรมต่างๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ต่างจากคลาสสิกโฟนที่เน้นการใช้งานพื้นฐานโทร.เข้า-ออกเพียงอย่างเดียว
“สิ่งที่เป็นจุดขายของบริษัทฯ หลักๆ จะเน้นในเรื่องบริการหลังการขาย เพื่อทำให้ลูกค้าที่ใช้สมาร์ทโฟนที่เป็นลูกค้าหลักของเราใช้โทรศัพท์ได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่แตกต่างจากคู่แข่ง โดยมีฝ่ายบริการคอยแนะนำการลงโปรแกรมให้แก่ลูกค้า และด้านกายภาพ มีการตกแต่งร้านให้มีความสวยงาม แบ่งประเภทและราคาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มองว่าอนาคตโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนยังมีการเติบโตต่อเนื่องอย่างไม่หยุดนิ่ง ซึ่งคิดว่ายอดขายของสาร์ทโฟนอาจเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่สิ่งที่สำคัญยังคงเป็นการบริการที่ต้องสร้างความแตกต่างให้แก่คู่แข่ง และการสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจต้องมีการพัฒนาตัวเอง โดยต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ามีความจริงใจ และเกิดความคุ้มค่าในการเลือกใช้บริการ”
