“ปวีณา” มอบ 3 นโยบายหลัก กคช. 1.ฟื้นบ้านเอื้อฯ 4.5 หมื่นหน่วย 2.ลดหนี้ดึงรายได้คนรวยช่วยคนจนให้มีบ้านอยู่ 3.แก้ปัญหาการเช่าช่วงสัญญาที่อยู่อาศัยของ กคช. พร้อมสานต่องานสร้างบ้านสวัสดิการข้าราชการหลังเกษียณอายุให้มีบ้านอยู่ ด้านผู้ว่าฯ กคช.แจงปัญหาเช่าช่วงต้องใช้แนวทางรัฐศาสตร์ก่อนนำกฎหมายบังคับใช้ คาดลูกค้าเช่าช่วงสัญญาในพอร์ตไม่เกิน 10% จาก 52,000 ราย พร้อมดันโครงการแพก 1 เข้าครม.ต้นปี 57
นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. กล่าวภายหลังเป็นประธานการเปิดงาน “พลังสตรีร่วมใจ..สร้างไทยยั่งยืน” ว่า ได้ให้นโยบายการดำเนินงานต่อการเคหะแห่งชาติ (กคช.) 3 เรื่องคือ1.ฟื้นฟูโครงการบ้านเอื้อที่เหลือขายจำนวน 45,000 ยูนิต โดยให้ กคช.ดำเนินการปรับปรุงห้องชุดในโครงการที่เหลือขายดังกล่าว เพื่อนำกลับมาทำตลาด และขายให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีที่อยู่เป็นของตนเองให้หมด
2.ให้ กคช.เร่งลดหนี้สินที่เกิดจากการดำเนินงานโครงการบ้านเอื้ออาทรที่มีอยู่กว่า 40,000 ล้านบาท รวมถึงการสร้างรายได้ใหม่ๆ เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งมาใช้ในการดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อย โดยแนวทางการได้มาซึ่งเม็ดเงินดังกล่าว ประกอบด้วย การจำหน่ายที่ดินในพอร์ต หรือปล่อยเช่าระยะยาวแก่บริษัทเอกชน หรือบุคคลที่ต้องการนำที่ดินแปลงศักยภาพไปใช้ประโยชน์
สำหรับนโยบายการหารายได้จากการเช่าที่ดิน หรือขายที่ดินที่มีอยู่ขณะนี้เพื่อนำเงินมาใช้ในการก่อสร้างบ้านขายแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยนี้ จะมีการจัดตั้งโครงการ “เงินคนรวย ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย” ขึ้น โดย กคช.จะนำที่ดินแปลงศักยภาพที่ยังไม่มีการพัฒนาโครงการมาปล่อยเช่า หรือขายแก่บริษัทเอกชน หรือบุคคลที่ต้องการนำที่ดินแปลงศักยภาพของ กคช.ไปใช้ประโยชน์ เพื่อนำเงินที่ได้มาช่วยซัปพอร์ตให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการบ้านเป็นของตนเองสามารถซื้อบ้านเป็นของตนเองได้
3.ได้ให้ กคช.ไปศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาการเช่าช่วงสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยในโครงการของ กคช.เพื่อยกเลิก หรือห้ามมิให้มีการนำห้องชุด หรือที่อยู่อาศัยที่ประชาชนที่มีรายได้ระดับกลาง หรือสูงที่เข้ามาเช่าซื้อโครงการที่อยู่อาศัยระยะยาวของ กคช.เพื่อนำไปปล่อยเช่าทำกำไร ทั้งนี้ ในเบื้องต้นรายละเอียดในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการเช่าช่วง จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อบังคับ หรือธรรมเนียมปฏิบัติ รวมถึงการศึกษากฎหมายของ กคช.ว่าจำเป็นต้องมีการแก้ไขในข้อใดเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
“สำหรับโครงการแพก 1 ซึ่งจะพัฒนาเพื่อขายให้แก่ประชาชนระดับกลาง ก็เป็นอีกโครงการที่จะสร้างรายได้ให้แก่ กคช.ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งจะนำมาใช้ในการส่งเสริมให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยมีที่อยู่เป็นของตนเอง”
นอกจากนี้ ยังได้ให้ กคช.ดำเนินการสานต่องานพัฒนาที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าราชการ หรือบ้านพักสวัสดิการ ซึ่งจะเป็นการร่วมมือระหว่างการเคหะฯ กับหน่วยงานราชการต่างๆ โดย กคช.จะทำหน้าที่เข้าไปพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ดินของหน่วยงานราชการต่างๆ หรือที่ดินที่หน่วยงานราชการนั้นๆ จัดหาให้เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยแล้วขาย หรือเช่า-ซื้อแก่ข้าราชการในสังกัดที่มีความร่วมมือร่วมกัน เพื่อให้กลุ่มข้าราชการต่างๆ มีที่อยู่อาสัยหลังเกษียณอายุราชการแล้ว โดยจะเริ่มจากการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้แก่กองทัพอากาศ ซึ่งได้มีการเจรจาร่วมกันไปแล้ว
ด้านนายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า นโยบายการแก้ปัญหาการเช่าช่วงสัญญานั้นในเบื้องต้นจะต้องกลับไปพิจารณารายละเอียดกฎหมาย และธรรมเนียมปฏิบัติของ กคช.ก่อน อย่างไรก็ตาม ในการแก้ปัญหาการเช่าช่วงนั้นเบื้องต้นคาดว่าจะต้องใช้แนวทางการแก้ปัญหาแบบรัฐศาสตร์ หรือการเจรจากับผู้เช่าที่อยู่อาศัยระยะยาวของ กคช.ก่อน หากไม่ได้ผลก็ต้องมีมาตรการถัดไป เช่น การนำกฎหมายเข้ามาช่วยในการแก้ปัญหา
“พอร์ตลูกค้าเช่าที่อยู่อาศัยระยะยาวของ กคช.ที่มีอยู่ในปัจจุบันมีจำนวนกว่า 52,000 ราย แต่พบว่า มีการปล่อยเช่าช่วงสัญญาอยู่ไม่เกิน 10% หรือประมาณ 3,000-5,000 ราย”
ส่วนความคืบหน้าโครงการแพก 1 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการออกแบบโครงการ และการลงทุน 2 โครงการ คือ โครงการห้องชุดบางไผ่ และบางปิ้ง โดยทั้ง 2 โครงการได้มีการเซ็นสัญญา ( MOU ) ร่วมระหว่าง กคช. และการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทยแล้ว อย่างไรก็ตาม การดำเนินการพัฒนาโครงการดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ครม. ก่อน คาดว่าภายในต้นปี 57 จะสามารถเสนอเรื่องต่อที่ประชุมครม.ได้
