ประธานรัฐสภายันไม่ลักไก่พิจารณาร่างแก้ไข รธน.มาตรา 68 และ 237 ร่วมกับร่างแก้ไขที่มา ส.ว.ที่จะพิจารณาในวันพรุ่งนี้ ส่วนเวลาอภิปรายไม่จำเป็นต้องจำกัดแค่ 2 วัน ท้าให้ดำเนินการใช้งบฯ ทัวร์นอกผิดหรือไม่ ติง ส.ส.ปชป.ลาออกไปสู้นอกสภาไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย ด้านเลขาฯ เตรียมแจงข่าวทุจริตงบฯ สภา ผ่านโทรทัศน์
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันพรุ่งนี้ (20 ส.ค.) ว่าการกำกับการประชุม ต้องดูไปตามข้อบังคับที่ถือเป็นกติกาที่ใช้ในการประชุม ส่วนจะแล้วเสร็จภายใน 2 วันหรือไม่นั้นส่วนตัวมองว่าไม่จำเป็น เพราะต้องพิจารณาไปตามข้อเท็จจริง แต่ต้องระวังไม่ให้มีการอภิปรายซ้ำซาก วกวน ส่วนตัวมีความเป็นห่วง ที่วิปฝ่ายค้านไม่ได้เข้าร่วมกำหนดกรอบการประชุมกับวิปรัฐบาลและวิปวุฒิสภา เพราะจะทำให้การกำกับการประชุมลำบากมากขึ้น แต่ส่วนตนจะยึดตามข้อบังคับเพราะไม่เช่นนั้นจะไม่รู้ว่าจะยุติอย่างไร ทุกฝ่ายต้องทำตามกติกา
สำหรับที่หลายฝ่ายกังวลว่า อาจจะพิจารณารวบรัดรวม ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 237 กับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ในคราวเดียวนั้น ทางวิปรัฐบาลได้แจ้งแล้วว่าจะไม่มีการพิจารณารวมกันอย่างแน่นอน ทั้งนี้ หากสมาชิกทั้ง 3 ฝ่ายหาข้อสรุปร่วมกันลงตัว ตนก็ทำหน้าที่อย่างไม่ลำบากใจ อย่างไรก็ตามต้องยึดในข้อบังคับและกติกาของการประชุม
ส่วนที่มองว่าการนัดประชุม และพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขที่มาของ ส.ว. เพื่อต้องการให้ทันการเลือกตั้ง ส.ว.รอบใหม่เดือน มี.ค. 57 นั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องทำไปตามข้อเท็จจริง เพราะกว่าจะถึงเดือนมีนาคม 2557 ก็ยังมีเวลา
ส่วนข้อเสนอที่ให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลาออกไปเคลื่อไหวนอกสภานั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการมองต่างมุมว่าเหมาะสมหรือไม่ให้สังคมเป็นผู้พิจารณา ความเห็นส่วนตัวในแนวทางประชาธิปไตยไม่น่าเป็นแบบนั้น ควรจะยึดระบบการประชุมในรัฐสภา แต่หากท่านเห็นว่าควร ก็เป็นดุลพินิจของประชาชนที่จะตัดสิน ส่วนตัวไม่ทราบว่าจะมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออกจริงหรือไม่ ตนตอบแทนไม่ได้ และตอนนี้ยังไม่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แจ้งความประสงค์มายังตน
ผู้สื่อข่าวถามถึงการใช้งบประมาณในการเดินทางไปต่างประเทศของประธานสภาฯ ที่พบว่ามีการใช้เกินวงเงิน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่เป็นไร ทุกอย่างโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบ อีกทั้งทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบราชการ จะทำเกินกว่าระเบียบไม่ได้ อีกทั้งไม่ได้ล้วงลูกเลขาธิการสภาฯ จะไปไหนก็ต้องยื่นเรื่องขอ ตนไม่มีอำนาจอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ตามระเบียบ
“ถ้าการใช้งบฯ ตรวจสอบแล้วผิด ก็ดำเนินการมาสิ ผมพร้อม ตรวจสอบได้เลย ส่วนที่ว่าใช้งบเกินโควต้า ถ้าเกินตามระเบียบก็เปลี่ยนโอนงบประมาณได้ เพียงแต่ต้องมาดูว่าการใช้งบไปนั้นถูกต้องและพอเหมาะพอสมหรือไม่ ไปแล้วมีประโยชน์หรือไม่ดูที่ตรงนี้มากกว่า ส่วนที่มีคนอภิปรายว่าใช้เงิน 80 ล้านบาทเพื่อเปลี่ยนไมโครโฟนในห้องประชุมสภา ให้ประธาน ก็เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด ว่าจะซื้อให้ประธานคนเดียว สังคมฟังก็มองว่าเกินไป ขัดหลักข้อเท็จจริง ทั้งนี้งบฯ เป็นการตั้งขอปี 2557 ยังไม่ได้ใช้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การใช้งบฯ เดินทางไปต่างประเทศพบว่าไปประเทศจีนถึง 3 ครั้ง นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนใช้ไปไม่ได้นับว่าไปกี่ครั้ง แต่ทุกครั้งก็แจ้งสำนักเลขาธิการสภา เพื่อให้ดำเนินการให้ ตนไม่ได้ล้วงลูก โดยระเบียงเป็นเหมือนกับที่ คณะกรรมาธิการฯ (กมธ.) 35คณะใช้ ทั้งนี้ในประเด็นที่เกิดขึ้น ตนได้เรียกนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาฯ แล้ว โดยเมื่อค่ำของวันที่ 18 ส.ค.ได้สั่งให้มีการชี้แจงต่อสื่อมวลชนแล้ว แต่ไมได้กำหนดว่าเมื่อใด ทั้งนี้ขอเวลาให้ฝ่ายข้าราชการเตรียมตัว ในส่วนที่ยื่นกรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาฯ ตรวจสอบ ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำเอกสารชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ
ด้านนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ เพื่อชี้แจงถึงการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐสภา ปรับปรุงอาคารสถานที่ จัดซื้ออุปกรณ์ และงบเดินทางต่างประเทศอย่างเป็นทางการ ภายหลังได้รับมอบนโยบายจากประธานรัฐสภาโดยส่วนตัวไม่กังวลเพราะมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงได้ในทุกประเด็น ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามขั้นตอน และเป็นการสานต่อยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ตั้งแต่ก่อนเข้ารับหน้าที่ อีกทั้งมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมถึงข้อเสนอของฝ่ายการเมืองที่แนะนำ ทั้งประเด็นการจัดซื้อนาฬิกา การปรับปรุงห้องทำงาน และการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องเก็บขยะ ที่เป็นไปตามหลักวิชาการ พร้อมยืนยันว่าไม่รู้สึกท้อกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างดำเนินการเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และเป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้น