“เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” จัดสัมนานักลงทุนสถาบันภายในประเทศ พบการลงทุนจากญี่ปุ่น และจีนยังไหลเข้าไทยต่อเนื่อง เหตุเชื่อมั่นในศักยภาพ ไม่กังวลปัญหาค่าเงิน ชี้ระยะยาวอุตสาหกรรมยานยนต์ นิคมฯ และกลุ่มอาหารยังมีการเติบโตสูง จากการย้ายฐานการผลิตทั้งรายใหญ่-เล็ก ของแดนมังกร และปลาดิบ
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET รายงานว่า บริษัท ได้มีการจัดงานสัมมนาให้แก่นักลงทุนสถาบันภายในประเทศ ในหัวข้อเรื่อง Thailand’s Attractiveness As An Investment Destination โดยได้เชิญประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ประจำอาเซียน และเอเชียใต้ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) ผู้ช่วยผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) และกรรมการผู้จัดการบริษัทไทคอน (TICON) มาเป็นผู้ร่วมอภิปราย ซึ่งมีนายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย เป็นผู้ดำเนินรายการ
ทั้งนี้ จากความเห็นของผู้อภิปรายทั้ง 4 ท่าน ได้ข้อสรุปตรงกันว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงมั่นใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่น ในขณะที่นักลงทุนจีน เป็นกลุ่มใหม่ที่มีการเติบโตสูง ซึ่งน่าจับตาว่าจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ และนิคมอุตสาหกรรมยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตดีในระยะยาว
ส่วนปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่ ภาวะอุปทานตึงตัวของนิคมอุตสาหกรรม ปัญหาแรงงาน และความล่าในเรื่องกระบวนการ EIA และ HIA
สำหรับสาระสำคัญของนักลงทุนญี่ปุ่น โดยอ้างอิงจากผลการสำรวจของหอการค้าญี่ปุ่นพบว่า นักลงทุนชาวญี่ปุ่นส่วนมากยังคงมุมมองเชิงบวกต่อประเทศไทย โดยการเคลื่อนไหวของค่าเงินนั้นไม่ได้เป็นปัจจัยใช้พิจารณาในการลงทุน ทั้งนี้ นักลงทุนบางรายมีแผนที่จะทำการลงทุนเพิ่มเติม ผลตอบรับที่เป็นบวกนี้ได้ส่งผ่านมายังการขอรับการส่งเสริมการลงทุนสุทธิ (BOI) ของนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นกว่า 18.2% ในครึ่งปีแรก 2556
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาระบบถนน (62% ของผู้ตอบแบบสำรวจ) การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน (38%) การพัฒนาระบบรถไฟ (37%) และการศึกษา (33%) ความสามารถของแรงงานนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการนั้นกังวลเสมอมา (36%) และธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์จะยังคงเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของการลงทุนของชาวญี่ปุ่น แต่ผู้ประกอบการ SME ชาวญี่ปุ่นก็เริ่มเข้ามาทำการลงทุนมากขึ้น ตามคำบอกกล่าวของ TICON และ IEAT
ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยังคงมีมุมมองเป็นบวก โดยยังคงคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตในปี 2556 สนับสนุนโดย 1) เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว 2) ตลาดคอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์โลกที่กำลังฟื้นตัว 3) การขยายตัวของภาคการบริโภคจากการขยายตัวของภาคการผลิต 4) การใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสำหรับการลงทุน และ 5) ความกดดันของอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงต่ำ อีกทั้งพบว่าธุรกิจอาหารมีการขยายตัวของธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการลงทุนจากชาวจีนพบว่ายังเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากชาวจีนใหญ่ และฮ่องกง จากการรายงานล่าสุดพบว่า นักลงทุนชาวจีนกำลังมองหาพื้นที่ในปราจีนบุรีสำหรับสร้างแหล่งผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะรถบรรทุกสำหรับการส่งออก ดังนั้น ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จะได้รับประโยชน์จากการย้ายมาของนักลงทุนชาวจีนกลุ่มนี้แน่นอน