“บิวตี้ คอมมูนิตี้” เตรียมแผนอัดโปรโมชันไตรมาส 4 ดันยอดขายโค้งสุดท้ายพุ่ง พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “Girly Girl” เจาะลูกค้าวัยรุ่น วางจำหน่ายร้านคอนวีเนียนสโตร์ และแคตตาล็อก เล็งส่ง MADE IN NATURE ซีรีส์ใหม่ เข้า โลตัส ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ เดินหน้าขยายสาขา BEAUTY BUFFET, BEAUTY COTTAGE, BEAUTY MARKET ทั้งใน และต่างประเทศ มั่นใจรายได้ทั้งปีทะลุ 1 พันล้านบาท
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และบำรุงผิว เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ถือเป็นช่วง High Season ของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ซึ่งบริษัทได้มีการจัดเตรียมแผนสำหรับการทำโปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขาย ทั้งในส่วนของร้าน BEAUTY BUFFET, BEAUTY COTTAGE, BEAUTY MARKET ผลิตภัณฑ์ MADE IN NATURE คาดว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ และส่งผลให้รายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาส 4 มีการเติบโตเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4 บริษัทมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ “เกิร์ลลี่ เกิร์ล (Girly Girl)” ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มสกินแคร์ จำหน่ายผ่านร้านคอนวีเนียนสโตร์ และแคตตาล็อก เช่น 7 - ELEVEn, Family Mart, 7 - Catalog และ Traditional Trade เน้นการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น ขณะที่ผลิตภัณฑ์ MADE IN NATURE จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 5 ชนิด โดยเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุง และดูแลรักษาผิวพรรณ ขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มเติมใน TESCO LOTUS และ TOP SUPERMARKET จากเดิมที่มีวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด และซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำรวม 10 แห่ง
สำหรับการขยายสาขาของ Shop Brand ต่างๆ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในปีนี้ BEAUTY BUFFET จะมีสาขารวม 180 สาขา BEAUTY COTTAGE มีสาขารวม 50 สาขา และ BEAUTY MARKET มีสาขารวม 3 สาขา ส่วนสาขาในต่างประเทศจะมีการขยายสาขา BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE ในต่างประเทศเพิ่มเติมรวม 8 แห่ง โดยจะเริ่มเปิดสาขาของทั้ง 2 แบรนด์ในประเทศเวียดนาม พม่า และประเทศลาว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างก่อสร้าง ขณะที่ในประเทศกัมพูชา จะมีการเปิดร้าน BEAUTY BUFFET เพิ่มจำนวน 1 สาขา จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1 สาขา และเปิดร้าน BEAUTY COTTAGE 1 สาขา
“ในปีนี้มั่นใจว่า BEAUTY จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท หรือมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน โดยนอกจากบริษัทจะมุ่งเน้นการขยายสาขาของ Shop Brand ต่างๆ ตลอดจนออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบรับความต้องการของตลาดแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุนให้อยู่ระดับเหมาะสม เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรสุทธิ ของบริษัทให้อยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง” นายแพทย์สุวินกล่าว
ส่วนผลประกอบการครึ่งแรกปี 56 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 480.22 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 361.94 ล้านบาท จำนวน 118.27 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.68% และมีกำไรสุทธิ 109.38 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 85.72ล้านบาท จำนวน 23.67 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 27.61%
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/56 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 247.38 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 190.66 ล้านบาท จำนวน 56.72 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.75% และมีกำไรสุทธิ 55.18 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 47.24 ล้านบาท จำนวน 7.95 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.82%
