xs
xsm
sm
md
lg

นักลงทุนกังวลเฟดปรับลด QE ดันราคาทองดิ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ราคาทองคำปิดลบ ทำสถิติปิดลบเป็นเวลา 5 วัน จากระยะเวลา 6 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจลดการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากแรงเทขายของนักลงทุน เนื่องจากมีความกังวลว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ อาจทำให้เฟดตัดสินใจลดขนาด QE โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ADP เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 176,000 ตำแหน่ง ในเดือน ส.ค. ซึ่งการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ โดย ADP นั้น มีขึ้นก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค.ในคืนนี้เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย โดยคาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง ในเดือน ส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่ง ในเดือน ก.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือน ส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ 7.4% ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ หรือ ISM ระบุว่า ดัชนีภาคบริการเดือนสิงหาคมขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 58.6 จากเดือนกรกฎาคมที่ระดับ 56
    
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31สิงหาคม ปรับตัวลดลง 9,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 323,000 ราย ซึ่งปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 330,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ในระดับ 331,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงาน และภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง

ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานติดต่อกันโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ปรับตัวลง 3,000 ราย อยู่ที่ระดับ 328,500 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550
 
ทาง Ausiris มองราคาทองคำในวันนี้ว่ามีโอกาสปรับตัวลงได้อีก หลังปรับตัวต่ำกว่าแนวรับ 1,373 เมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้ อาจมีการรีบาวนด์ขึ้นมาได้บ้างในระหว่างวันซึ่งอาจเกิดจากแรงปิดสถานะทำกำไรฝั่งขาย อย่างไรก็ตาม เรามองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงมาได้อีกครั้งเพื่อทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,350/1,340 ต่อไป

ในส่วนดัชนี SET50 Index วันนี้ (6 ก.ย.) ปิดบวก เช่นเดียวกับดัชนี SET Index ที่ปิด 1,313.49 จุด เพิ่มขึ้น 10.28 จุด หรือ 0.79% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 33,449.77 ล้านบาท เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย โดยตลาดยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนในเรื่องการโจมตีซีเรีย และการประชุมเฟด ในวันที่ 17-18 ก.ย.

ในส่วนของดัชนีเฉลี่ยภาคอุตสาหกรรม ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 14,937.48 จุด เพิ่มขึ้น 6.61 จุด หรือ +0.04%ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,655.08 จุด เพิ่มขึ้น 2.00 จุด หรือ +0.12% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,658.78 จุด เพิ่มขึ้น 9.74 จุด หรือ +0.27% ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ โดย ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 176,000 ตำแหน่ง ในเดือน ส.ค. ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการเดือน ส.ค.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 58.6 จากเดือน ก.ค.ที่ระดับ 56

ในส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค.ปรับตัวลดลง 9,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 323,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานและภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเหล่านี้อาจจะทำให้เฟดตัดสินใจลดขนาด QE อีกทั้งตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย หลังจากคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติเห็นชอบญัตติให้อำนาจในการโจมตีทางทหารต่อซีเรีย ด้วยคะแนนเสียง 10-7 ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับการลงมติอย่างเต็มรูปแบบของวุฒิสภาที่มีแนวโน้มจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ดี ทาง Ausiris มองดัชนี SET50 Index ยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง จากปัจจัยทั้งภายใน และนอกประเทศ ในวันนี้มองดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงได้อีก เนื่องจากสถาบันทางการเงินต่างๆเริ่มปรับลดการคาดการณ์ GDP ของไทยลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับกลยุทธ์ในวันนี้นั้นจึงว่าสามารถลงทุนฝั่งขายได้ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 900 แล้วค่อยสลับหน้าเป็นฝั่งซื้อที่ 875/870
 
ฝ่ายวิจัย บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด
กำลังโหลดความคิดเห็น