หุ้นไทยปิดบวก 10.28 จุด อยู่ที่ระดับ 1,313.49 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 33,449.77 ล้านบาท จากบริษัทหลักทรัพย์เทขายออกกว่า -1,349.61 ล้านบาท หวั่นสถานการณ์วิกฤติสงครามในซีเรียกระทบตลาดทุนเอเชีย
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (5 ก.ย.) ปิดที่ระดับ 1,313.49 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.28 จุด หรือ10.28 % มูลค่าการซื้อขาย 33,449.77 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,326.56 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,306.48 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์ปรับบวกจากนักลงทุนคลายความกังวลผลการประชุมสภาครองเกรสสหรัฐฯ และกลับมาให้น้ำหนักต่อตัวเลขยอดขายที่แข็งแกร่งของกลุ่มยานยนต์สหรัฐฯ เดือน ส.ค.
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น จำนวน 393 หลักทรัพย์ ลดลง 251 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 205 หลักทรัพย์
การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ -1,349.61 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ -387.41 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 741.85 ล้านบาท และสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 741.85 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
KBANK ปิดที่ 163.00 บาท เพิ่มขึ้น +2.00 บาท หรือ +1.24% มูลค่าการซื้อขาย 2,130,898 ล้านบาท
TRUE ปิดที่ 6.40 บาท เพิ่มขึ้น +0.10 บาท หรือ +1.59% มูลค่าการซื้อขาย 2,013,056 ล้านบาท
BAY ปิดที่ 38.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,896,951 ล้านบาท
INTUCH ปิดที่ 75.50 บาท ลดลง -0.50 บาท หรือ -0.66% มูลค่าการซื้อขาย 1,815,536 ล้านบาท
ADVANC ปิดที่ 248.00 บาท เพิ่มขึ้น +3.00 บาท หรือ +1.22% มูลค่าการซื้อขาย 1,690,191 ล้านบาท
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คลายความกังวลเรื่องสงครามในซีเรีย เนื่องจากต้องรอดูผลการประชุมสภาครองเกรสสหรัฐฯ ในวันที่ 9 ก.ย. และกลับมาให้น้ำหนักต่อตัวเลขยอดขายที่แข็งแกร่งของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ ประจำเดือนเดือนสิงหาคม ได้แก่ Ford, GM และ Toyota และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด รายงานภาวะเศรษฐกิจใน 12 รัฐ ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม มีอัตราขยายตัวดีขึ้นจากระดับเล็กน้อย หรือ Modest สู่ระดับปานกลาง หรือ Moderate ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง ทั้งนี้ มองว่าหากดัชนีปรับถอยลงมาไม่หลุด 1,290 จุด หรือปิดเหนือ 1,290 จุด อาจทำให้ภาพการเก็งกำไรช่วงสั้นยังมีบรรยากาศการลงทุนที่สามารถไปต่อได้อยู่
อย่างไรก็ดี กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เช่น PTT, PTTEP, PTTGC, SCC เป็นต้น รวมถึงเป็นการป้องกันความเสี่ยง หากเกิดสงครามในประเทศซีเรีย ซึ่งนักลงทุนควรลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยแนวโน้มในวันพรุ่งนี้ ดัชนี SET INDEX อาจขึ้นทดสอบที่ระดับ 1,350 จุด-1,355 จุด โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,290 จุด หรือ 1,294 จุด
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ประเมินการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีว่า ได้รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ที่ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาดี ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในต่างประเทศมีการปรับตัวขึ้น จากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศซีเรีย และสหรัฐฯ ทำให้ตลาดรวมอยู่ในลักษณะปรับตัวในแนวบวกทางเทคนิค หลังจากปรับตัวลดลงไปแรง
ขณะเดียวกัน นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า หุ้นไทยฟื้นตัวในแนวบวกหลังจากปรับตัวลงไป 2 วันติดต่อกัน แม้จะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างในระหว่างเทรด ส่วนตลาดหุ้นอื่นส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก และทรงตัวรับบรรยากาศการลงทุนจากต่างประเทศเรื่องข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ, จีน และยูโรโซนที่ออกมาดี แต่ยังมีแรงกดดันอยู่จากปัจจัยที่ต้องติดตาม ทั้งสถานการณ์ซีเรียที่สหรัฐฯ จะมีการประชุมสภาคองเกรสในวันที่ 9 ก.ย.นี้ และการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 ก.ย. โดยระหว่างที่รอคอยปัจจัยดังกล่าวนักลงทุนคงเข้ามาลงทุนเก็งกำไรกันบ้าง ทำให้แนวโน้มวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) ดัชนียังมีโอกาสดีดกลับไปในแนวบวกโดยมีแนวรับที่ 1,305 จุด และแนวต้านที่ 1,330 จุด
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมของบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังผันผวน แกว่งตัวตามปัจจัยข่าวทั้งบวก และลบในแต่ละวัน ทำให้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลงได้อีกจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ ประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับซีเรีย การถอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE รวมถึงปัจจัยการเมืองภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่ลดลงในระดับมากนัก เนื่องจากเมื่อมองไปในระยะข้างหน้าประเมินดัชนีฯ เทียบกับโอกาสการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2557 ซึ่งคาดว่า P/E จะอยู่ที่ระดับ 11-12 เท่า น่าจะทำให้นักลงทุนคุณค่ากลับเข้ามาลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยทำให้ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งยังมีโอกาสดัชนีมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1,500-1,550 จุดได้
ทั้งนี้ มีรายงานว่าสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย จะมีการนัดหารือกับบริษัทสมาชิกภายในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาเกณฑ์การซื้อขายของบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (Prop Trade) ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ หลังจากที่ได้หารือกับสำนักงาน ก.ล.ต. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรอข้อมูลจาก ก.ล.ต. เพื่อนำมาระดมความเห็นจากบริษัทสมาชิก ขณะเดียวกัน กรณีมีผู้เสนอให้ Prop trade ไปเทรดกับโบรกเกอร์อื่นเพื่อป้องกับความเหลื่อมล้ำกับรายย่อยเรื่องค่าคอมมิชชันอาจเป็นแนวทางหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะใช้แนวทางนี้หรือไม่