xs
xsm
sm
md
lg

“WHA” เตรียมตั้งกองทุน Infrastructure Fund พร้อมรุกตลาด AEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น
“บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น” เตรียมตั้งกองทุน Infrastructure Fund เพื่อต่อยอดรายได้ของบริษัท วางเป้าขยายพื้นที่โซลาร์รูฟ จาก 1 แสนตารางเมตร เป็น 8 แสนตารางเมตร จากพื้นที่ว่างที่มีอยู่ พร้อมขายตรงให้การไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งได้ทันที แย้มอนาคตเตรียมลงทุนเพิ่มในกลุ่มประเทศ AEC เพราะมีศักยภาพเติบโตอีกมาก

นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมยื่นประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟ ในเร็วๆ นี้ ซึ่งบริษัทฯ คาดหวังว่าจะผลิตกำลังไฟได้ประมาณ 30-50 เมกะวัตต์ จากในครั้งแรกที่เข้าประมูล เนื่องจากบริษัทมีศักยภาพที่จะทำโซลาร์รูฟ ได้สูงถึง 100 เมกะวัตต์ โดยจะใช้เงินลงทุนในโครงการนี้รวมประมาณ 3,250 ล้านบาท เพราะ 1 เมกะวัตต์ จะใช้เงินลงทุน 65 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ 25% อีก 75% จะมาจากการกู้สถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทฯ จะใช้เงินสดในการลงทุน 500-600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากบริษัทพันธมิตร เพราะภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะมีพื้นที่หลังคาคลังสินค้าเพิ่มเป็น 1 แสนตารางเมตร จากปัจจุบันที่มีพื้นที่หลังคาคลังสินค้ามากกว่า 8 แสนตารางเมตร และมีแผนการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศพม่า ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยเป็นไปในลักษณะอัลไลแอนซ์ ที่มีผู้ร่วมพันธมิตรหลายราย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเร็วๆ นี้ โดยในส่วนของพม่า ได้มีบริษัท โตชิบา ให้ความสนใจ และติดต่อเข้ามาแล้ว
          
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือ Solar Roof  ประมาณ 450 ล้านบาทต่อปี หากบริษัทฯ สามารถประมูลได้ 30-50 เมกะวัตต์ เพราะ 1 เมกะวัตต์ จะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ ประมาณ 9 ล้านบาทต่อปี คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 57 เป็นต้นไป ตามขั้นตอนประมูลได้ก็ต้องสร้างให้เสร็จภายใน 2 เดือน และต้องขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคภายใน 31 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าปีหน้าจะมีการนำโซลาร์รูฟมาจัดตั้งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure Fund โดยกองทุนดังกล่าวจะสามารถจัดตั้งได้ประมาณไตรมาส 2-3 ของปี 2556 โดยมีมูลค่าประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท
        
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่ารายได้รวมปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทฯ ตั้งไว้ที่ 7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีรายได้ 2.2 พันล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทฯ จะมีการรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์รวม 6.4-6.7 พันล้านบาท และบริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากการให้เช่าคลังสินค้า และบริการเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทฯ มีการขยายพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าถึง 5 แสนตารางเมตร จากเป้าหมายเดิมที่ 3 แสนตารางเมตร

ขณะเดียวกัน ในปีหน้าบริษัทฯ มีแผนแปลงกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมียม แฟคเทอรี แอนด์ แวร์เฮาส์ ฟันด์ เป็น กองทุน  REITs ซึ่งมีมูลค่า 4.4-4.7 พันล้านบาท ประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งบริษัทฯ จะได้ประโยชน์มากขึ้น เพราะกองทุน REITs สามารถกู้เงินได้ในอัตราที่สูงว่า โดยขั้นต่ำสามารถกู้ได้ 35% และสูงสุด 60% ของสินทรัพย์ โดยบริษัทฯ มีแผนกู้เงินเพื่อนำมาจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนอสังหาฯ ซึ่งปัจจุบันจ่ายในอัตรา 7% และในอนาคตกอง  REITs จะสามารถออกหุ้นกู้ได้อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น