“ยูโอบี” มองหนี้ครัวเรือนไทยน่ากังวล เชื่อ ศก.ไทย ไม่ซ้ำรอยปี 40 หากเฟดถอนคิวอี

หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนและวิจัย ธนาคารยูโอบี สิงคโปร์ เผยจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.8% แต่ยังกังวลภาระหนี้ภาคครัวเรือนปรับเพิ่มสูงขึ้น เชื่อเศรษฐกิจไทยรับมือผลกระทบคิวอีได้ ไม่ซ้ำรอยวิกฤตปี 40 แม้จะมีความผันผวนรุนแรงจากเงินทุนไหลออก

นายจิมมี่ โค หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนและวิจัย ธนาคารยูโอบี สิงคโปร์ กล่าวว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 3.8 และคาดว่าในปี 56 จะขยายตัวร้อยละ 4.4 โดยมีปัจจัยจากการบริโภค และการลงทุนของภาครัฐ และเอกชน รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ แต่ยังกังวลภาระหนี้ภาคครัวเรือนปรับเพิ่มสูงขึ้น

ส่วนความจำเป็นในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล มองว่ายังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก ดังนั้น รัฐบาลควรส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในระยะยาว

สำหรับผลกระทบของการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ของสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคอ่อนลงนั้น มองว่าไม่ใช่วิกฤตค่าเงิน แต่เป็นเพียงภาวะการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจซึ่งเคยพึ่งพาการอัดฉีดสภาพคล่องมาเป็นพื้นฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง จึงทำให้ค่าเงินผันผวนในช่วงครึ่งปีหลัง และหากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีความชัดเจนในกระบวนการถอนมาตรการคิวอีแล้ว คาดว่าค่าเงินบาทของไทยในสิ้นปีนี้จะอยู่ในกรอบ 31.50-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนความกังวลสถานการณ์ความรุนแรงในซีเรีย และอียิปต์ จนส่งผลประทบต่อเศรษฐกิจโลกนั้น หากมีการยกระดับความรุนแรงโดยเฉพาะการเข้าแทรกแซงจากสหรัฐฯ อาจส่งผลโดยตรงต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น และอาจทำให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นปรับตัวลดลง