หุ้นไอพีโอ “คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น” ฮอตจองซื้อเกลี้ยงทั้ง 200 ล้านหุ้น
หลังเปิดจองซื้อระหว่าง 26-28 ส.ค.ที่ผ่านมา เหตุปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง และราคาเสนอขายหุ้นละ 3 บาท มีส่วนลดถึง 49.80% ด้านแกนนำอันเดอร์ไรต์ และที่ปรึกษาทางการเงินมั่นใจเป็นสัญญาณบวก หลังนักลงทุนแห่จองซื้อเพียบ เชื่อเข้าซื้อขายในตลท. 3 ก.ย. นี้ สร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจ
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด(มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CSS เปิดเผยถึงผลการเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 200 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขาย 3 บาทต่อหุ้น พบว่า นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากภายหลังจากเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคมที่ผ่านมา และขณะนี้ขายหมดแล้วทั้งจำนวน โดยหุ้น CSS จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 3 กันยายนนี้
“ก่อนอื่นต้องขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในหุ้น CSS ซึ่้งกำหนดเสนอราคาเสนอขายที่ 3 บาท/หุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยมอบส่วนลดให้แก่นักลงทุน 49.80% ดังนั้น เชื่อว่าเมื่อเข้าซื้อขายวันแรกหุ้น CSS จะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่นักลงทุน” นายสมภพกล่าว
นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CSS ที่ได้รับความสนใจเข้ามาจองซื้อหุ้นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท และเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตในอนาคตซึ่งมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เพราะนอกจากจะเป็นหนึ่งในผู้นำในการจัดจำหน่ายสายไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าของผู้ผลิตชั้นนำระดับสากลแบบครบวงจรแล้ว ยังมีศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจการให้บริการติดตั้งระบบโทรคมนาคมอีกด้วย สิ่งสำคัญคือ การระดมทุนของบริษัทในครั้งนี้ยิ่งจะทำให้ฐานทุนของบริษัทเข้มแข็งขึ้น จากแผนการนำเงินไปขยายกิจการ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะใช้ไปใช้ในการก่อสร้างคลังสินค้า และอาคารสำนักงานแห่งใหม่และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาและขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน และ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนอีกทางหนึ่ง กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจึงยินดีที่จะไม่นำหุ้นในส่วนที่ไม่ติด Silent Period มาขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นระยะเวลา 3 เดือน