“ทิสโก้” ยันคงแผนธุรกิจเดิม จีดีพีหดตัวไม่กระทบ ระบุเป็นเหตุการณ์ที่คาดไว้แล้ว มั่นใจพอร์ตสินเชื่อโต 20% สอดคล้องกับสินเชื่อรถยนต์ที่เติบโตน้อยลง ส่วนเอ็นพีแอลยังมีโอกาสสูงขึ้นอีก 0.3-0.4% เหตุยังล้างผลกระทบจากราคารถมือสองวูบไม่หมด ลุ้นสิ้นปีเริ่มกระเตื้อง
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า การหดตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมานั้น เป็นสิ่งที่ธนาคารได้คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว และเชื่อว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งปีจะอยู่ในระดับประมาณ 4.2% ซึ่งใกล้เคียงกับที่ธนาคารคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ระดับ 4.5% ทำให้การหดตัวดังกล่าวไม่กระทบต่อแผนการดำเนินธุรกิจของธนาคารแต่อย่างใด โดยจะยังคงเป้าพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโตประมาณ 20% จากปีก่อนหน้าที่เติบโต 30%
ทั้งนี้ การหดตัวลงของเศรษฐกิจเป็นผลมาจากในปีก่อนที่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหลายอย่าง ประกอบกับ เอกชนก็มีการลงทุนเพื่อชดเชยส่วนที่น้ำท่วมไป ซึ่งเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ดังนั้น ในปีนี้เศรษฐกิจก็จะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ เช่นเดียวกับยอดขายรถยนต์ที่ปีก่อนมีจำนวนสูงถึง 1.4 ล้านคัน แต่ในปีนี้จะอยู่ 1.2 ล้านคัน หลังหมดโครงการรถคันแรก ธนาคารก็ได้ปรับลดพอร์ตสินเชื่อเติบโตเหลือ 20% เช่นกัน
“การขึ้นลงของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา เหมือนเราจะใช้อารมณ์กันค่อนข้างมาก คือเวลาขึ้นก็ดึงขึ้นจนหวือหวา เวลาก็ดึงลงวูบดิ่งไปเลย บางทีก็อาจไม่ค่อยสมเหตุสมผล จริงๆ แล้วก็เป็นการปรับตัวไปตามความเป็นจริง ซึ่งทิสโก้เองก็มองตรงนี้ไว้อยู่แล้ว จะเห็นได้จากต้นปีที่เราประเมินจีดีพีแค่ 4.5% ขณะที่สำนักอื่นส่วนมากจะประมาณ 5.5% แต่ก็คาดว่าทั้งปีไม่น่าจะหลุดต่ำกว่า 3%”
สำหรับพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถมือสองของธนาคารนั้น มองว่าราคาเริ่มจะแกว่งตัวแคบลง และทรงๆ ตัวบ้างแล้ว หลังจากราคาลดลงมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากรถอีโคคาร์ที่มีราคาไม่สูงนัก และคาดว่าในปลายปีนี้น่าเริ่มกระเตื้องได้ ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ประกอบขายรถมือสองก็ได้มีปรับตัว โดยได้ส่งออกรถมือสองเพื่อกระจายรถค้างออกไป ในส่วนของธนาคารเองก็ได้พยายามตัดส่วนที่เสียออกไป ตั้งแต่ต้นปีจนขณะนี้ก็เหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นางอรนุช กล่าวว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารอยู่ที่ระดับ 2-3% ซึ่งธนาคารก็ยอมรับว่ายังอาจจะปรับตัวขึ้นได้อีกประมาณ 0.3-0.4% เนื่องจากยังมีส่วนของหนี้เสียจากรถมือสองค้างมาจากปีก่อนอีกเล็กน้อย หลังจากนั้นก็น่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ