กลุ่ม ช.การช่าง บรรลุข้อตกลงในการลงนามพัฒนาโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำน้ำบากใน สปป. ลาว มอบหมายให้ “ไฟฟ้าน้ำงึม 2” ซึ่งเป็นบริษัทลูก ซีเค พาวเวอร์ เป็นผู้ลงนามสัญญาพัฒนาโครงการ มูลค่าโครงการ 20,000 ล้านบาท กับรัฐบาลลาว เมื่อวันที่ 8 ส.ค.56 เดินหน้าเร่งรัดดำเนินการทำสัญญาซื้อขายไฟ และสัญญาก่อสร้างให้แล้วเสร็จ
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ช.การช่างเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และประสบความสำเร็จในการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ในประเทศลาวมาแล้ว เช่น เขื่อนน้ำงึม 2 และฝายน้ำล้นไซยะบุรี โดยโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำน้ำบาก มีมูลค่าในส่วนงานก่อสร้างประมาณ 17,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 2557”
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการเขื่อนน้ำบาก มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 160 เมกะวัตต์ สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 744 ล้านหน่วยต่อปี หรือประมาณ 50% ของเขื่อนภูมิพล ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปีครึ่ง โครงการนี้ผลิตไฟฟ้าด้วยพลังน้ำซึ่งเป็นพลังงานสะอาด หมุนเวียน เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และจะเสริมศักยภาพ และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้ CKP ในอนาคต โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในพอร์ตของ CKP อีก 160 เมกะวัตต์ และเมื่อรวมกับโครงการบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น เฟส 2 อีก 120 เมกะวัตต์ ในปี 2560 และโครงการไซยะบุรีอีก 1,285 เมกะวัตต์ จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมในพอร์ตของ CKP เติบโตจาก 754.5 เมกะวัตต์ ในปี 2556 เป็น 2,319.5 เมกะวัตต์ ในปี 2562
ในส่วนของโครงการที่เริ่มผลิตไฟฟ้าแล้ว ได้แก่ โครงการเขื่อนน้ำงึม 2 ซึ่งเริ่มผลิตไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2554 ขณะนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากเนื่องจากอยู่ในฤดูมรสุมทำให้ต้องผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังผลิต และโครงการโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น เฟส 1 กำลังการผลิต 117.5 เมกะวัตต์ ของ CKP ซึ่งเริ่มผลิตไฟฟ้าเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้ง 2 โครงการนี้จะหนุนรายได้ของ CKP ในปี 2556 ให้สูงขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เพื่อรองรับการเปิด AEC ในปี 2558 และการขยายธุรกิจของ CKP ให้เติบโตอย่างมั่งคง และยั่งยืน CKP กำลังศึกษาที่จะพัฒนาเขื่อนต่างๆในประเทศลาวเพิ่มเติมอีก รวมทั้งโรงไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน ซึ่ง CKP มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความพร้อมที่จะลงทุนดำเนินการได้ทันที
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ช.การช่างเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และประสบความสำเร็จในการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ในประเทศลาวมาแล้ว เช่น เขื่อนน้ำงึม 2 และฝายน้ำล้นไซยะบุรี โดยโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำน้ำบาก มีมูลค่าในส่วนงานก่อสร้างประมาณ 17,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 2557”
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการเขื่อนน้ำบาก มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 160 เมกะวัตต์ สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 744 ล้านหน่วยต่อปี หรือประมาณ 50% ของเขื่อนภูมิพล ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปีครึ่ง โครงการนี้ผลิตไฟฟ้าด้วยพลังน้ำซึ่งเป็นพลังงานสะอาด หมุนเวียน เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และจะเสริมศักยภาพ และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้ CKP ในอนาคต โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในพอร์ตของ CKP อีก 160 เมกะวัตต์ และเมื่อรวมกับโครงการบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น เฟส 2 อีก 120 เมกะวัตต์ ในปี 2560 และโครงการไซยะบุรีอีก 1,285 เมกะวัตต์ จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมในพอร์ตของ CKP เติบโตจาก 754.5 เมกะวัตต์ ในปี 2556 เป็น 2,319.5 เมกะวัตต์ ในปี 2562
ในส่วนของโครงการที่เริ่มผลิตไฟฟ้าแล้ว ได้แก่ โครงการเขื่อนน้ำงึม 2 ซึ่งเริ่มผลิตไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2554 ขณะนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากเนื่องจากอยู่ในฤดูมรสุมทำให้ต้องผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังผลิต และโครงการโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น เฟส 1 กำลังการผลิต 117.5 เมกะวัตต์ ของ CKP ซึ่งเริ่มผลิตไฟฟ้าเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้ง 2 โครงการนี้จะหนุนรายได้ของ CKP ในปี 2556 ให้สูงขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เพื่อรองรับการเปิด AEC ในปี 2558 และการขยายธุรกิจของ CKP ให้เติบโตอย่างมั่งคง และยั่งยืน CKP กำลังศึกษาที่จะพัฒนาเขื่อนต่างๆในประเทศลาวเพิ่มเติมอีก รวมทั้งโรงไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน ซึ่ง CKP มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความพร้อมที่จะลงทุนดำเนินการได้ทันที